posttoday

5 หน่วยงานสอบ กองสลากพลัส สรรพากรคาดเก็บภาษี 500 ล้าน

04 มกราคม 2566

สำนักงานกองสลากฯ เผย เตรียมประชุม 5 หน่วยงาน ตรวจสอบการดำเนินงานของ กองสลากพลัส ในทุกด้านหลังนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งเร็วๆนี้ ด้าน รมว.คลังสั่งสอบภาษีสลากออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ขณะสรรพากร คาดต้องเรียกเก็บภาษีประมาณ 500 ล้านบาท หลังตรวจสอบเบื้องต้น

รายงานข่าวจาก สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า หลังจากได้รับคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ  จันทร์โอชา ให้ตรวจสอบการดำเนินงานของ กองสลากพลัส ดังนั้น เร็วๆนี้ สำนักงานสลากฯ ได้นัดหารือกับหน่วยงานที่มีกฎหมายเฉพาะ ทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หน่วยงานด้านลิขสิทธิ์ กองบัญชาการสอบสวนกลาง ตำรวจกองปราบ สำนักงานอัยการสูงสุด  เพื่อเข้าตรวจสอบการดำเนินธุรกิจขายสลากผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ว่า มีความผิดปกติอย่างไร ชำระภาษีถูกต้องหรือไม่ และรวมถึง ที่มาแหล่งเงินที่นำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ อย่างไรให้ครอบคลุมทุกประเด็น

ก่อนหน้านี้ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ CEO กองสลากพลัส หรือ นอท กองสลากพลัส ให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการฐานทอล์ค ช่อง nation tv22 เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของสลากพลัส โดยยอมรับว่า ถูกกรมสรรพากรตรวจสอบภาษีพร้อมยังเล่าถึง โมเดลธุรกิจว่า ในช่วงแรกของการทำธุรกิจ ได้ใช้เงินทุนส่วนตัว และเงินที่ได้จากการนำบ้านไปจำนอง นำรถไปขายฝาก เพราะยังขายได้ไม่เยอะ เมื่อขายได้ ก็ทำกำไรกลับเข้ามา ซึ่งธุรกิจโตเร็วมาก โตขึ้นงวดละ 1 ล้านใบ ทำให้ต้องหาเงินเพิ่ม 100 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 15 วัน เพื่อนำไปซื้อลอตเตอรี่เพิ่ม จึงทำให้ต้องหยิบยืมเงินจากเพื่อน ที่เป็นนักธุรกิจโดยจ่ายดอกเบี้ยตามกฎหมายกำหนด 

ล่าสุดนายทุนรายหนึ่งที่ให้ยืมเงิน ได้ถอนตัวออกไป เพราะหมดสัญญาร่วมทุน 1 ปี จึงได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊ก ว่าต้องการเงินทุน 200 ล้านบาท แล้วปรากฏได้มีบุคคลทั่วไปนำเงิน 200 ล้านบาท มาให้กู้ เป็นหลักฐานว่า เป็นคนที่พอมีเครดิต 
 

ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่างบการเงินของบริษัทที่แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งว่า มีเงินกู้ระยะสั้นจำนวน 100 ล้านบาท ในรูปแบบสัญญาร่วมทุน มีการจ่ายเงินปันผล มีการจ่ายดอกเบี้ย แต่กลับไม่ปรากฏรายการจ่ายดอกเบี้ยในงบการเงินนั้น นายพันธ์ธวัช ตอบว่า ไม่ทราบ เนื่องจากผู้ตรวจสอบบัญชี เป็นผู้ทำให้ ต้องไปดูอีกครั้ง เพราะในปีที่แล้ว ยุ่งกับธุรกิจมาก ยืนยันได้ส่งงบการเงินแล้ว และกำลังจะเข้าสู่การตรวจสอบ

การบริหารจัดการนั้น ไม่ได้จ่ายเงินซื้อสลากทีเดียวทั้งหมด เช่น ขาย 4 ล้านใบ ไม่ได้ใช้เงิน 400 ล้านไปซื้อ แต่นำเงินไปซื้อแค่ 200 ล้าน โดยเมื่อเปิดขายวันแรก กระแสเงินสดจะไหลเข้ามา จึงนำไปซื้อลอตเตอรี่อีกรอบหนึ่ง

นายพันธ์ธวัช กล่าวว่า เมื่อธุรกิจเติบโต และมีชื่อเสียงแล้ว จึงมียี่ปั๊วให้เครดิต โดยนำสลากมาขายก่อน จ่ายเงินทีหลัง ซึ่งยี่ปั๊วให้เครดิต ก็เป็นวันที่ถือลอตเตอรี่ถึง 3 ล้านใบแล้ว และเป็นคนทำงานจริงจ่ายจริง ไม่เคยเสียเครดิต จึงได้รับความไว้วางใจ

โดยสลากที่ได้มาจำหน่ายนั้น มาจาก 3 ตลาดใหญ่ๆ คือ สนามบินน้ำ, สี่แยกคอกวัว และวังสะพุง จ.เลย พร้อมย้ำอีกว่า ลอตเตอรี่คือ สินค้าที่ซื้อขายกันได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เหมือนซื้อผักมาขายได้ ก็ซื้อลอตเตอรี่มาขายได้เหมือนกัน อย่างที่เห็นแผงขายตามปั๊มน้ำมัน ก็จะมีเจ้าใหญ่ไปกว้านซื้อ แล้วจ้างคนมานั่งขาย คนที่เดินขายส่วนใหญ่ ก็ได้ 10%  สิ่งที่ทำคือ ระบบเดียวกัน เพียงแต่ทำให้เป็นออนไลน์

การมีสลากในมือในจำนวนถึง 10 ล้านใบ(ในปีนี้) ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะผู้ได้โควตาลอตเตอรี่นั้น บางคนไม่เดินขาย แต่มีการขายแบบยกเล่ม โดยมีทั้งมาส่งสลากให้เอง และทางบริษัทไปรับ
 

นายพันธ์ธวัช ยังได้ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นการจ่ายภาษีว่า สำหรับการจ่ายภาษีนั้น ในปี 2563 ไม่นับ เนื่องจากเปิดบริษัทช่วงสิ้นปีแล้ว ส่วนปี 2564 ได้ชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว 2 ล้านกว่าบาท รายได้หมดไปกับการพัฒนา จึงเหลือกำไรน้อยมาก และชำระภาษีน้อยมาก โดยกรมสรรพากร ได้เรียกเข้าไปชี้แจงเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2565 กรณีภาษีปี 2564 โดยจะนำเอกสารเข้าชี้แจงอีกครั้ง ในวันที่ 16 ม.ค.2566

นายพันธ์ธวัช ยืนยันว่า เสียภาษีนิติบุคคล ในปี 2564 ตามปกติ และได้ดำเนินการเสีย VAT ย้อนหลังจำนวน 159  ล้านบาท และต่อจากนั้น ได้มีการเสีย VAT ประมาณ 30 ล้านบาท ต่อเดือน หลังจากมีความชัดเจนจากศาลว่า การขายลอตเตอรี่ออนไลน์ สามารถจัดเก็บค่าบริการได้ ไม่ถือเป็นการจำหน่ายลอตเตอรี่เกินราคา 

ครึ่งปีแรกของปีนี้กองสลากพลังได้ชำระภาษีไปแล้ว 9 ล้านบาท คาดว่า สิ้นปี จะมีกำไรสุทธิกว่า 200 ล้านบาท จากรายได้ 18,000 ล้านบาท และเตรียมจ่ายภาษี ประมาณ 80-90 ล้านบาท ทั้งนี้ต้องรอดูปิดงบสิ้นปีอีกครั้ง พร้อมย้ำว่า ตั้งใจดำเนินธุรกิจโดยไม่มีการเลี่ยงภาษี  

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบผู้ประกอบการที่ขายสลากผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ว่ามีการดำเนินธุรกิจและการชำระภาษีถูกต้องหรือไม่นั้น เรื่องดังกล่าวถือเป็นกระบวนการตรวจสอบตามขั้นตอนปกติของแต่ละหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบเรื่องความผิดปกติ 

ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปตามหลักที่ถูกต้อง ซึ่งในส่วนของกระทรวงการคลังนั้น ก็จะตรวจสอบในเรื่องของการชำระภาษีว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่ ส่วนกระบวนการตรวจสอบของหน่วยงานต่างๆ นั้น เมื่อตรวจสอบแล้ว ไม่จำเป็นต้องรายงานมายังกระทรวงการคลังเพราะถือเป็นหน้าที่ตรงของหน่วยงานนั้นๆ แต่กรณีที่เสียภาษีไม่ถูกต้อง กระทรวงการคลังในฐานะผู้รับผิดชอบก็ต้องดำเนินการ

สำหรับนโยบายต่อการดำเนินงานของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น กระทรวงการคลังจะให้น้ำหนักในเรื่องของการขายสลากที่ไม่เกินใบละ 80 บาท ซึ่งถือว่าเรื่องนี้ สำนักงานสลากได้มีแนวทางแก้ไขที่มาถูกทางแล้ว ทั้งในเรื่องของการขายสลากดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง และการจัดให้มีพื้นที่ขายสลากราคา 80 บาท

แหล่งข่าวจากกรมสรรพากรเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น กรมสรรพากรเตรียมเรียกเก็บภาษีเพิ่มจาก กองสลากพลัส หลังจากที่ได้ยื่นเสียภาษีมาแล้ว 159 ล้านบาท โดยกรมสรรพากรประเมินว่า กองสลากพลัสต้องเสียภาษีประมาณ 500 ล้านบาท โดยจะมีการประเมินและสรุปรวมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง