ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ วอน ธปท.ทบทวนต่ออายุ LTV หวั่นฉุดตลาดปี66 ไม่โต
ผอ.ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ชี้ตลาดที่อยู่อาศัยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ตั้งแต่ไตรมาส3 ปี64 แต่ยังหวั่การลดค่าโอน-จดจำนองน้อยกว่าคาด และไม่ต่ออายุ LTV ฉุดรั้งการขยายตัวของตลาด แนะธปท. ต่ออายุมาตรการอีก 1 ปี
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ กรรมการและเลขานุการผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึง ทิศทางอสังหาริมทรัพย์ ปี 2566 กับโพสต์ทูเดย์ ว่า ขณะนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ตั้งแต่ไตมาส 3 ปี 2564 โดยขณะนี้เห็นแรงส่งในภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตได้อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 และเชื่อว่าตลาดอสังหาฯ ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้
แต่อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 ภาคอสังหาฯ ยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตาม เช่น อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น การเปราะบางจากการเพิ่งฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ประกอบกับ มาตรการ ลดค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 1% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ จากเดิม 1% เหลือ 0.01% ของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ปรากฏออกมาว่า ลดค่าธรรมเนียมน้อยกว่าที่ภาคธุรกิจคาดไว้ รวมทั้ง การไม่ต่อมาตรการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย(LTV) ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่จะหมดอายุในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ตลาดอสังหาฯ ในปีหน้าไม่เติบโต
ดังนั้น จึงเห็นว่า ปีหน้า อาจมีความจำเป็นที่ ธปท.ต้องทบทวนการยืดอายุ LTV ออกไปอีกสักระยะ เพื่อเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดอสังหาฯ เดินหน้าต่อไปได้ เพราะปัจจัยดังกล่าวเป็นเชิงบวกต่อการรีบตัดสินใจของผู้บริโภคที่สนใจจะซื้อบ้านในราคาดังกล่าว
นอกจากนี้ ปัจจัยต่างประเทศ ยังมีความเสี่ยงต้องติดตาม ทั้งการฟื้นของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ยังขยายตัวได้ไม่มากนัก ขณะที่ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อความพร้อมในการเข้าซื้อตลาดอสังหาฯของไทยของชาวจีน ให้กลับมาในปริมาณเท่าเดิม
สาเหตุที่ ธปท. จำเป็นต้องผ่อนคลายมาตรการ LTV โดยเริ่มตั้งแต่ 20 ต.ค. 2564 - 31 ธ.ค.2565 เนื่องจากเห็นว่า การระบาดของโควิด-19 กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ฐานะการเงินของบางภาคธุรกิจ และครัวเรือนยังเปราะบาง จึงจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และพยุงการจ้างงานเพิ่มเติม เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ซึ่งการตัดสินใจของ ธปท. ไม่ต่ออายุ LTV ทำให้ในปี 2566 จะกลับไปใช้ เกณฑ์เดิม คือ ซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 ขึ้นไปในราคา 10 ล้านบาท กู้ได้ 70-90% ส่วนราคามากกว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่หลังที่หนึ่งเป็นต้นไปกู้ได้ 70-90%


