ดูกัน !!! ดีเซล-ก๊าซ-ค่าไฟ แพงขึ้นเท่าไหร่ กองทุนน้ำมันฯอ่วมติดลบทะลุ 6 หมื่นล้าน

รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่าตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นมา ราคาพลังงานได้ทยอยปรับขึ้นราคาทั้งน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และค่าไฟฟ้า  ซึ่งเป็นการปรับเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เข้าไปพยุงราคาพลังงานเหล่านี้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาแต่พยายามไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนมากเกินไป โดยในส่วนของราคาน้ำมันได้มีการปรับโครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมัน 3 ชนิด ซึ่งเป็นผลจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เพื่อลดภาระการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปอุดหนุนราคา ซึ่งล่าสุดมีฐานะติดลบแล้ว 60,993 ล้านบาท   

ทั้งนี้ประกอบไปด้วย 1.การปรับราคาน้ำมันดีเซล ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 32 บาท/ลิตร จากเดิมที่ตรึงไว้ที่ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร พร้อมทั้งกำหนดเพดานราคาไว้ไม่ให้เกินลิตรละ 35 บาท หลังจากนี้ กบน.จะพิจารณาปรับราคาเป็นขั้นบันได โดยจะอุดหนุนราคาเพียงครึ่งเดียวหรือปรับขึ้นครั้งละ 1 บาทต่อลิตร เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชน

ปัจจุบันหากไม่มีการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ราคาน้ำมันดีเซลจะอยู่ที่ประมาณ 40 บาท/ลิตร แต่ถ้าทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกมีการปรับลดลงในแต่ละรอบสัปดาห์จะมีการปรับเงินอุดหนุนและปรับเพดานราคาลดลงตามการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันต่อไป

2.น้ำมันดีเซลเกรดพรีเมียม หรือน้ำมันดีเซลที่ไม่ได้ผสมไบโอดีเซล จะทยอยปรับลดการชดเชยลงสัปดาห์ละ 2 บาท/ลิตร และมีเป้าหมายจะจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันดีเซลพรีเมียม 1 บาท/ลิตร  3.น้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 85 ซึ่งอยู่ในกลุ่มเบนซิน ปรับลดการชดเชยลงสัปดาห์ละ 1 บาท/ลิตร จากในปัจจุบันที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชดเชยอยู่ที่ 4.53 บาท/ลิตร โดยมีเป้าหมายให้มีการอุดหนุนที่ 0.53 บาท/ลิตร

นอกจากนี้ยังยกเลิกการตรึงราคาราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน (แอลพีจี) โดยปรับขึ้นจากเดือนเม.ย. 2565 ที่ราคา 333 บาทต่อถัง(ขนาด 15 กก.) เป็นถังละ 348 บาทในเดือนพ.ค. และปรับทยอยขึ้นอีกในเดือนมิ.ย.มาอยู่ที่ 363 บาท

สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(ข้อมูล ณ วันที่ 1 พ.ค.)ติดลบ60,993 ล้านบาท แยกเป็นติดลบบัญชีน้ำมัน 28,217 ล้านบาท  และ บัญชีแอลพีจี  32,776 ล้านบาท

ส่วนราคาค่าไฟฟ้าที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ( กกพ. )ได้มีมติให้ปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) รอบเดือนพ.ค.-ส.ค. 2565 เรียกเก็บที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 3.78 บาทมาอยู่ที่เฉลี่ยหน่วยละ 4.00 บาท