กกร.หั่นจีดีพีเหลือ 0-1.5% พิษโควิดกลายพันธุ์ทุบศก.ไทยเสี่ยงติดลบ
เอกชน 3 สถาบัน ประสานเสียง จี้รัฐต้องเร่งฉีดวัคซีนทุกกลุ่มดึงความเชื่อมั่น หวั่นยืดเยื้อล็อกดาวน์ประเทศจีดีพีติดลบแน่
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน ว่า การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่รุนแรงและยาวนานขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า การแพร่ระบาดระลอกใหม่รุนแรงขึ้นจากเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้า ทำให้จำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการระบาด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจ การจ้างงานและรายได้แรงงาน ในพื้นที่ควบคุม
นอกจากนี้มาตรการจำกัดการเดินทางและข้อจำกัดในการกักตัว คาดว่ายังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในประเทศตลอดช่วงไตรมาสที่สาม และอาจจะกระทบแผนการเปิดประเทศได้ ดังนั้น ทุกฝ่ายจำเป็นต้องร่วมมือกันในการควบคุมการระบาดให้ได้โดยเร็ว โดยให้ความสำคัญสูงสุดกับการเร่งจัดหาวัคซีนให้เพียงพอและดำเนินการฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมายขณะที่ภาคการส่งออกของไทยยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง มีแนวโน้มเติบโตได้มากกว่าที่คาดไว้เดิม แม้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มแผ่วลงเล็กน้อยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปเกือบ 100 ประเทศทั่วโลก แต่การส่งออกไทยยังมีโอกาสเติบโตมากกว่าที่คาดไว้เดิม
อย่างไรก็ตามภาคการผลิตของไทยยังมีความเสี่ยงจากการระบาดของโควิด-19 และการกระจายวัคซีนที่ยังไม่ทั่วถึงเศรษฐกิจไทยยังต้องการแรงสนับสนุนจากทั้งนโยบายการเงินและการคลังเพิ่มเติม การแพร่ระบาดที่มีแนวโน้มยืดเยื้อทำให้ผู้ประกอบการขาดความเชื่อมั่น สะท้อนการสำรวจโดย ธปท. ในเดือน มิ.ย. ที่พบว่าผู้ประกอบการคาดการณ์ว่าธุรกิจอาจจะฟื้นตัวได้ในครึ่งหลังของปี 2565 เป็นต้นไป ซึ่งช้ากว่าเดิม 6 เดือน โดยธุรกิจส่งออกเป็นเพียง Engine เดียวของเศรษฐกิจ สอดคล้องกับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ต่ำลงกว่าเดิม
อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงค่อนข้างมากจากการระบาดระลอกใหม่ที่รวดเร็วและรุนแรง กระทบต่ออุปสงค์ในประเทศ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวชัดเจนขึ้นต่อเนื่องจะส่งผลดีต่อแนวโน้มส่งออกของไทยในระยะต่อไป ที่ประชุม กกร. จึงปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 เป็นขยายตัวได้ในกรอบ 0.0% ถึง 1.5% ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโควิด-19 และมาตรการเพิ่มเติมของรัฐ ขณะที่การส่งออกได้ ปรับเป้าหมายในปี 2564 จะขยายตัว 8-10.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 1.0% ถึง 1.2%
นายผยง กล่าวว่า กกร. ได้จัดทำข้อเสนอไปยังรัฐบาลดังนี้ 1.มาตรการฟื้นฟูผู้ประกอบการธุรกิจเข้าถึงสินเชื่อฟื้ได้มากขึ้นเสนอให้ บสย.เพิ่มวงเงินค้ำประกันให้แก่ลูกหนี้ของธนาคาร 70 % และจัดกลุ่มลูกหนี้ที่เป็น NPL ที่ได้รับผลกกระทบจากโควิด-19 แยกจากลูกหนี้ NPL ทั่วไป2. เร่งจัดสรรวัคซีน โดยเฉพาะที่กรุงเทพและปริมณฑล เนื่องจากศูนย์ฉีดของภาคเอกชนทั้ง 25 แห่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนจากรัฐบาล รวมถึง มีจุดยืนชัดเจนกับวัคซีนทางเลือกเป็นวัคซีนเข็มที่ 3
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวถึง รัฐต้องหาทางจัดสรรวัคซีนให้ถึงประชาชนให้มากที่สุดตอนนี้ จะยี่ห้อใดก็ได้แต่มีคุณภาพ เป็นเรื่องที่มีความจำเป็น ซึ่งรวมไปถึงกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่นอก ก็ยังไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนอย่างทั่วถึง ส่วนประเด็นเรื่องล็อกดาวน์ประเทศนั้น ควรทำแบบไฮบริดคือ ล็อกเป็นบางส่วน ต้องมีกติกาที่ชัดเจน และควรเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจร่วทแสดงความคิดเห็นด้วย เช่นกลุ่มร้านอาหารเพื่อให้มีเวลาในการบริหารจัดการธุรกิจของตัวเอง
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าวันนี้เรื่องสำคัญที่สุด ต้องการให้รัฐเร่งจัดวัคซีนให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามในวันทีร่ 8 ก.ค.นี้จะมีการหารือกับ ซีอีโอในภาคธุรกิจ 40 คน ถึงมาตรการต่างๆที่จะนำมาใช้ และในวันที่9 ก.ค. มีกำหนดเข้าพบนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและรมว.พลังงาน เพื่อนำเสนอมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี


