กล่องทิพย์ส่ง 'กุนเชียง' ฝ่าวิกฤตโควิด ช่วยคนตกงานรับไปขายแบบไม่มีขั้นต่ำ

นางฐนิวรรณ กุลมงคล ประธานกรรมการ บริหารแบรนด์กล่องทิพย์ เปิดเผยว่าจากประสบการณ์ด้านธุรกิจร้านอาหารมากว่า 20 ปี และการพัฒนานวัตกรรมอาหารไทยชาววังบรรจุกล่องไม่ต่ำกว่า8 ปี มีจุดเด่นด้านความพรีเมี่ยม ความทันสมัย และมีความสะดวก ภายใต้แบรนด์ “กล่องทิพย์” ล่าสุดร่วมกับพันธมิตรธุรกิจบริษัท โชคนิพล หมูป่า จํากัด ผู้ขายส่งเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ พัฒนาอาหารเนื้อสัตว์แปรรูป “กุนเชียงพรีเมี่ยม” แบรนด์กล่องทิพย์ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกทางธุรกิจให้กับร้านอาหารและคนทั่วไปที่ต้องการหารายได้เพิ่ม ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากปัจจุบันตลาด หมูแปรรูปกุนเชียง ถือเป็นตลาดใหญ่มีมูลค่า 6,000 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัท และโชคนิพล หมูป่า ร่วมพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ โดยใช้จุดแข็ง ทั้งสองฝ่ายพัฒนาเนื้อหมูแปรรูปกุนเชียงระดัยพรีเมี่ยม เพื่อเป็นอาหารในทุกครัวเรือน ซึ่งเก็บได้ระยะเวลานานร่วมเดือนในตู้เย็น โดยวางตำแหน่งทางการตลาดเป็นกุนเชียงระดับพรีเมียม มีรสชาติหวานน้อย อร่อย เน้นความสะอาด ปลอดภัย จากเนื้อคุณภาพ เกรดเนื้อฟาร์มมาตรฐาน มีส่วนผสมเนื้อหมู 95% ไขมัน 3% น้ำตาล 2% และไม่ผสมแป้ง ใข้กรรมวิธีผลิตสูตรดั้งเดิม โดยนวดเนื้อให้เหนียวเข้ากันกับส่วนผสม ปราศจากสารกันบูด และไม่ใส่ดินประสิว

โดยผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายในรูปแบบ กุนเชียงธรรมดา บรรจุขนาด 500 กรัม และ กุนเชียงพร้อมทาน พร้อมทำตลาดในช่องทางร้านอาหารอิสระ รวมถึงคนทั่วไปที่ว่างงาน หรือ ในช่วงระหว่างพักกักตัวที่บ้าน จากช่วงสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยให้สามารถรับไปจําหน่ายแบบไม่มีขั้นต่ำ และได้ในทุกช่องทางขายทั้งออนไลน์ และ ออฟไลน์ พร้อมให้ผลตอนแทนในการขายมากถึง 50% โดยผู้สนใจสามารถสอบถามได้ที่บริการสายด่วน เดลิเวอรี 091 119 8875 และ ไอดี ไลน์ @klongthipthai

ทั้งนี้ บริษัทวางแนวทางการทำตลาดกุนเชียง-กล่องทิพย์ โดยส่งตรงไปยังร้านอาหารทั่วประเทศในราคาพิเศษ เพื่อให้สามารถนําไปจําหน่ายต่อ หรือ นําไปเป็นวัตถุดิบในการทําเมนูอาหารต่างๆ และในอนาคต กล่องทิพย์ ยังเตรียมแผนพัฒนาอาหารแปรรูปอื่นๆ ออกสู่ตลาด อาทิ หมูชาชูขาหมูเยอรมัน ขาหมูพะโล้ หมูหัน ลูกชิ้นหมูฯลฯ ภายใต้แนวคิดตํานานอาหารไทยชาววัง ลงกล่อง ด้วยนวัตกรรมอาหาร แนวคิดสร้างสรรค์ เพื่อแข่งขันในตลาดอาหารไทยแปรรูปในปัจจุบัน

นางฐนิวรรณ กล่าวต่อในฐานะนายกสมาคมภัตตาคารไทย ว่าล่าสุดสมาคมภัตตาคารไทย ได้ทําหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อหามาตรการและทางรอดให้กับผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร หลังพบว่าขณะนี้มีร้านอาหารจํานวนมาก ไม่สามารถรับผิดชอบรายได้ที่ไม่เพียงพอต่อต้นทุนบริหารจัดการธุรกิจที่สูงขึ้น จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดระลอก 3 ที่ส่งกระทบธุรกิจต่างๆ รวมถึงร้านอาหาร ที่ต้องปรับตัวเพื่อประคับประคองให้กิจการอยู่รอดในช่วงที่ผ่านมา จากมาตรการห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้าน ตามประกาศศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา