posttoday

คาถาหัวใจเศรษฐีของท่าน ว.วชิรเมธี กับธุรกิจครอบครัว (ตอน 2)

07 ธันวาคม 2553

.....กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์

บทความตอนที่แล้ว ผมได้เขียนถึงคาถาคำที่สอง คำว่า อามาจากคำว่า อารักขสัมปทา ที่แปลว่า รักษาดี มี 6 ข้อ โดยได้กล่าวไปแล้ว 3 ข้อ เหลืออีก 3 ข้อ คือ

4.รู้จักเสียภาษี ซึ่งภาษาบาลี ใช้คำว่า ราชพลี เพราะเราอยู่ในแผ่นดินนี้ เราเป็นหนี้บุญคุณ อย่าหลีกเลี่ยงการเสียภาษี รวยแล้วต้องแบ่งปัน (แต่คงต้องดูว่า ท่าน ว.วชิรเมธี หมายถึงการหนีภาษี Tax Evasion คงไม่ได้ถึงการหลบหลีกภาษี ที่เรียกว่า Tax Avoidance)

5.นำเงินมาบำรุงสำนักชีพราหมณ์ ผู้ทรงศีล เพื่อให้ผู้ทรงศีลเป็นผู้รักษาธรรมในสังคม

6.อุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

คาถาสูตรนี้ คือ การรักษาดี นอกจากเงินจะอยู่ครบแล้ว ยังสามารถเปลี่ยนโลกียทรัพย์ เป็นอริยทรัพย์ ได้ด้วย

คาถาคำที่สาม คือ กะหมายถึง กัลยาณมิตตตา ซึ่งหมายถึงการรู้จักคบคนดีเป็นเพื่อน หรือการมี Connection ที่ดี การมี Connection ที่ดี ก็จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ผู้เป็นกัลยาณมิตรที่จะมาเป็นที่ปรึกษาธุรกิจครอบครัวและคู่ค้า ย่อมจะส่งผลถึงความยั่งยืนของธุรกิจ ต้องหลีกเลี่ยงมิตรที่เป็นบาปมิตร หรือพันธมิตรที่ไม่จริงใจ

การเลือกคนที่เป็นกัลยาณมิตรนั้น ท่าน ว.วชิรเวธี ได้ให้ข้อเตือนสติไว้ว่า กัลยาณมิตร ต้องหมายถึงคนที่ดีจริงๆ ทั้งวิถีชีวิตดี ดีทั้งชื่อเสียง ดีทั้งสติปัญญา ดีทั้งชีวิต

หมายความว่า สังคมเขารู้ว่าคนนี้เป็นคนดีจริงๆ ดีที่ชื่อเสียง คือ มีมาตรฐานในการรักษาชื่อเสียงและสร้างสรรค์สังคมที่ดี ดีทั้งสติปัญญา หมายถึงวิธีคิดต่างๆ ที่สังคมให้การยอมรับ

ผมเห็นว่า การหากัลยาณมิตรที่ดี ก็เป็นเรื่องที่ยาก แต่หากท่านหรือสมาชิกในครอบครัวมีกัลยาณมิตรที่ดีแล้ว ธุรกิจครอบครัวก็จะเจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป

คาถาคำที่สี่ สะหรือ สมชีวิตา หมายถึง การใช้ชีวิตพอเพียง อย่าลงทุนอะไรที่เกินเลยตัวเอง ทำอะไรที่มีเหตุผลพอประมาณ และเดินทางสายกลาง (ดังแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้วางไว้) และเวลาทำธุรกิจ ให้สำนึกไว้เสมอว่า งานสัมฤทธิ์ ชีวิตรื่นรมย์ (ซึ่งเป็นหนังสือที่ท่าน ว.วชิรเมธี ได้เขียนไว้ และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Book Smile เช่นกัน)

ท่าน ว.วชิรเมธี ได้สรุปไว้ว่า ควรปฏิบัติตามหัวใจเศรษฐี 4 คำ คือ อุ อา กะ สะ คือ ขยันหา รักษาดี มีกัลยาณมิตร ใช้ชีวิตพอเพียง ก็จะทำให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งหมายถึงความยั่งยืนของธุรกิจครอบครัวด้วย

นอกจากนี้ ในหนังสือท่านยังได้พูดถึงว่า นักธุรกิจมหาเศรษฐีในโลกหลายคนที่ นอกจากร่ำรวยแล้ว ยังทำงานเพื่อบริจาคเงินสู่สาธารณกุศล หรือทำงานการกุศล ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในโลก คือ Bill Gates และ Warren Buffet รวมทั้ง คุณวิกรม กรมดิษฐ์ คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี คุณธนินท์ เจียรวนนท์ และ คุณ William Heinecke

ผมได้เคยแนะนำหนังสือที่สมาชิกในธุรกิจครอบครัวควรอ่าน ชื่อว่า หนังสือพรอันสูงสุด อันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำงานเพื่อส่วนรวม เพราะการเป็นคนรวยนั้น จะต้องเป็นคนดีด้วย หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเรื่องที่สมาชิกธุรกิจในครอบครัว ควรจะนำไปอ่านและปฏิบัติเพื่อความเจริญยั่งยืนของธุรกิจครอบครัวสืบไป

และโอกาสหน้าผมจะนำหนังสือต่างๆ มาแนะนำให้ท่านได้อ่านต่อไป

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2