สำรวจชาวนากว่า1ล้านรายต้องเช่าที่ทำ
โพสต์ทูเดย์
— กระทรวงเกษตรฯ ระบุ เกษตรกรทั่วประเทศต้องเช่าที่นาทำกินกว่า 1 ล้านราย ชาวนาภาคกลางเช่ามากที่สุด 80%นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยผลสำรวจข้อมูลปัญหาการเช่าที่นาไทยตามดำริของนายกรัฐมนตรีที่เป็นห่วงเรื่องค่าเช่าที่นา ซึ่งจากการสำรวจของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) พบว่ามีเกษตรกรที่เช่านารวม 1.1 ล้านครัวเรือน โดยเช่า 100% จำนวน 6.4 แสนครัวเรือน มีที่ดินตัวเองและเช่าเพิ่มประมาณ 5 แสนครัวเรือน
ทั้งนี้ เกษตรกรภาคกลาง เช่น จ.นนทบุรี ปทุมธานี อ่างทอง ชัยนาท นครสวรรค์ และสุพรรณบุรี เช่าที่ดินทำกินถึง 80% และ 90% ไม่มีการทำสัญญาเช่า ทำให้เจ้าของที่ดินสามารถบอกเลิกได้ง่าย ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม 2524 ที่จะต้องมีการบอกเลิกล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ปี และกรณีที่เจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คชก.) ระดับจังหวัดไม่อนุมัติก็จะไม่สามารถยกเลิกการเช่าได้
สำหรับค่าเช่าพบว่าค่าเช่าที่นาภาคกลางแพงที่สุด เช่น จ.นนทบุรี ค่าเช่า 1,0001,500 บาทต่อไร่ต่อปี ปทุมธานี ราคา 1,000 บาทต่อไร่ต่อปี อ่างทอง 1,500 บาทต่อไร่ต่อปี หรือบางส่วนคิดเป็นข้าวเปลือก 20 ถังต่อไร่ต่อครั้ง ชัยนาท 3,000 บาทต่อไร่ต่อครั้ง บางส่วนเป็นข้าวเปลือก 20 ถังต่อไร่ต่อครั้ง นครสวรรค์ 1,000 บาทต่อไร่ต่อครั้ง สุพรรณบุรี 1,000 บาทต่อไร่ต่อครั้ง ถ้าเสียหายลดหย่อนหรือไม่เก็บค่าเช่า โดยเฉลี่ยจะเช่าประมาณ 1060 ไร่
” นายอภิชาติ กล่าวผลการสำรวจพบว่า 90% การเช่าที่นาไม่มีการทำสัญญา อัตราการขึ้นค่าเช่าจึงขึ้นกับราคาข้าวเป็นหลัก โดยเจ้าของที่ดินหรือนายทุนแบ่งเป็นนายทุนใหญ่ซึ่งส่วนมากมาจากกรุงเทพฯ กับนายทุนท้องถิ่น นายทุนขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่คือนายทุนจากกทม. มักให้คนในพื้นที่ช่วยเก็บค่าเช่า ซึ่งจะคิดคาเช่าไม่แพง นายทุนท้องถิ่นหรือขนาดกลาง เป็นนักธุรกิจในพื้นที่ เช่นร้านขายปัจจัยกาผลิต เจ้าของโรงสี ผู้ปล่อยกู้ ซึ่งจะคิดค่าเช่าค่อนข้างแพง บางส่วนของแบ่งรายได้จากส่วนต่างที่ชาวนาได้รับในโครงการประกันรายได้ด้วย ทั้งนี้ที่ดินที่เช่าส่วนใหญ่เป็นที่ดั่งเดิมของชาวนาแต่เนื่องจากเป็นหนี้มากจึงขายทิ้ง โดยผลการศึกษาได้เสนอให้ รมว.เกษตรฯ และ รมว.มหาดไทย เพื่อแก้ปัญหาต่อไปซึ่งรักษาการกฏหมายการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ควรจะมีการแก้ไขกฏหมายในเรื่องของอายุการเช่าที่นา จากคราวละ 6 ปี เป็น คราวละ 3 ปี และแก้ไขการกำหนดค่าเช่าที่นาจากเดิมทุก 3 ปีเป็นทุก 1 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของราคาข้าว และกรณีการจะยกเลิกการให้เช่าต้องบอกเลิกการให้เช่าล่วงหน้า 1 ปี ซึ่งปัญหาขณะนี้พบว่า เกิดกรณีเจ้าของที่ดินบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินล่วงหน้าตามกฏหมายทุกอย่างเพื่อนำที่ดินไปทำเองส่งผลให้เกษตรกรเหล่านี้จะเกิดปัญหาไร้ที่ดินทำกินในอนาคต


