ทอท. แถลงการณ์ลงทุนเทอร์มินัล 2 สุวรรณภูมิ ย้ำชัดแผนแม่บทปรับได้ทุก 5 ปี

ยืนยันผู้โดยสารเรียกร้อง ตอกกลับกลุ่มสถาปนิกฯ ขยายอาคารเดิมไร้ค่า ชี้พัฒนาสนามบินทิศใต้ไม่ตอบโจทย์การขนส่ง-ผู้โดยสารเดินทางลำบาก

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ (ทอท.) เปิดเผยว่า ทอท.ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร หลังที่ 2 (เทอร์มินัล 2) ของ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงิน 42,000 ล้านบาท ซึ่งถูกโจมตีว่าไม่ตรงกับแปนแม่บทนั้น

โดย ขอยืนยันว่าแผนแม่บทปรับได้ทุก 5 ปี ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับแผนแม่บทที่อาจไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง แต่ต้องมีการปรับปรุงตามระยะเวลาที่ ICAO แนะนำ เพื่อให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานและแนวโน้มอุตสาหกรรมการบินปัจจุบัน

อีกทั้งที่ผ่านมานั้น ICAO ได้แนะนำให้ปรับปรุงแผนแม่บทเดิม โดยมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในแผนแม่บทฉบับดังกล่าวว่า “จากข้อเสนอเดิม ที่ให้ขยายอาคารที่ปลายทั้ง
ฝั่งตะวันออกและตะวันตกนั้น จะยากมากสำหรับการดำเนินการเมื่ออาคารยังถูกใช้งานเต็มขีดความสามารถอยู่

ดังนั้น วิธีการแก้ปัญหา คือ การย้ายกระบวนการผู้โดยสารในประเทศไปยังบริเวณอื่น และปรับบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่บริการผู้โดยสารระหว่างประเทศทดแทน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการบริการน้อยกว่า

"ผู้โดยสารต้องการอาคารใหม่ เห็นได้ชัดเจนว่าผู้โดยสารไม่อยากได้การขยายอาคารหลังเดิมทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกเพราะขาดสิ่งอำนวยความสะดวก แม้ในทางวิศวกรรมและสถาปนิกจะทำได้แต่สร้างในสิ่งที่ผู้ใช้ไม่ต้องการก็ไม่น่าจะควรสร้าง การไปขยายอาคารเดิมนั้นจะไม่มี ช่องตรวจ ตม. เพิ่ม ไม่มีสายพานรับกระเป๋าเพิ่ม ไม่มีถนนชานชาลา และไม่มีสะพานเทียบเครื่องบิน (Contact Gate) เพิ่ม แม้จะประหยัดงบเยอะ แต่จะไม่มีความสะดวกเพิ่มขึ้นเลย" นายนิตินัยกล่าว

สำหรับการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ ยังมีระบบโครงข่ายคมนาคมทางด้านทิศเหนือ หรือทางด้านถนนมอเตอร์เวย์ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนแม่บท การพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560 – 2579) ของกรมทางหลวงอยู่แล้ว
ในขณะที่ทางด้านทิศใต้ของปัจจุบัน มีเพียงทางยกระดับบูรพาวิถีและยังไม่มีแผนพัฒนาระบบขนส่งเพิ่มเติมเข้าสู่สนามบิน รวมถึงความพร้อมของระบบสาธารณูปโภคก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ

อย่างไรก็ตามกรณีที่มีบุคคลบางกลุ่มพยายามบิดเบือนข้อมูลเรื่องนี้นั้น อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และก่อให้เกิดความสับสนต่อประชาชน ทอท. จะพิจารณาแนวทางในกรณีที่มีการรับรู้ข่าวสารแต่ยังมีการบิดเบือนต่อไป