การยกเว้นภาษีแก่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กรณีงเงินและรับเงินเป็นงวด (ตอนที่ 1)
.....ก.ล.ต
สวัสดีค่ะ ... ก่อนอื่นคงต้องขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่รอคอยข่าวดีเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีแก่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีสมาชิกขอคงเงินไว้ในกองทุน และกรณีสมาชิกขอรับเงินเป็นงวด ขณะนี้กรมสรรพากรได้มีการออกกฎหมายในเรื่องนี้ไว้โดยชัดเจนแล้ว สรรหามาเล่าจะขอนำรายละเอียดมาเล่าให้ฟังกันค่ะ
การยกเว้นภาษีในครั้งนี้มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอยู่ 2 ฉบับ
กฎกระทรวงฉบับที่ 277 (พ.ศ. 2553) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร โดยยกเลิกความใน (36) ของข้อ 2 แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ 195 (พ.ศ. 2538)
กฎกระทรวงฉบับที่ 277 กำหนดว่า สมาชิกที่ได้รับเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพใน 2 กรณีดังต่อไปนี้จะได้รับยกเว้นภาษี
1.กรณีได้รับเงินเนื่องจากลูกจ้างออกจากงานเพราะตาย ทุพพลภาพ หรือเกษียณอายุตามข้อบังคับของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
2.กรณีลูกจ้างออกจากงานเพราะเหตุอื่นๆ ที่ไม่เข้าข้อ (ก) แต่เมื่อออกจากงานแล้วได้คงเงินไว้ทั้งจำนวนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และต่อมาได้รับเงินหลังจากลูกจ้างผู้นั้นตาย ทุพพลภาพ หรือครบกำหนดเวลาเกษียณอายุตามข้อบังคับของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. พ.ศ. 2553 เป็นต้นไป
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 188) กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการยกเว้นภาษีตามกฎกระทรวงฉบับที่ 277 ไว้ดังนี้
ในกรณีลูกจ้างผู้นั้นตาย ต้องมีหลักฐานใบมรณบัตรที่แสดงถึงการตาย
ในกรณีลูกจ้างผู้นั้นทุพพลภาพ ต้องมีหลักฐานจากแพทย์ ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ตรวจและแสดงความเห็นว่าทุพพลภาพ
ในกรณีลูกจ้างออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ต้องเกษียณอายุตามข้อบังคับของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในเวลาที่ออกจากงาน โดยการเกษียณอายุตามข้อบังคับนั้น ลูกจ้างต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์ และต้องเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยกรณีที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาโดยตลอด ต้องเป็นสมาชิกไม่น้อยกว่า 5 ปีต่อเนื่องกัน แต่กรณีที่เคยเป็นสมาชิก กบข. ต้องเป็นสมาชิกกองทุน กบข. และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพรวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
ในกรณีที่สมาชิกออกจากงานและได้คงเงินไว้กับกองทุนทั้งจำนวน และต่อมาได้รับเงินหรือผลประโยชน์หลังจากลูกจ้างผู้นั้น ตาย ทุพพลภาพ หรือครบกำหนดเวลาเกษียณอายุตามข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งลูกจ้างต้องมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับการเกษียณอายุข้างต้น
การเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ถ้ามีการโอนเงินหรือผลประโยชน์ระหว่างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ให้นับอายุการเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่อเนื่องกัน
ประกาศนี้ให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2553 เป็นต้นไป
ที่เขียนข้างต้นเป็นกฎกระทรวงและประกาศอธิบดีกรมสรรพากรที่ออกใหม่ ท่านผู้อ่านสามารถอ่านฉบับเต็มได้ทางเว็บไซต์ thaipvd.com (http://www. thaipvd.com/content_th.php?content_id=00375)
อ่านแล้วลองคิดตามนะคะว่าข้อความที่กำหนดไว้ หมายความว่าอย่างไรบ้าง เช่น สมาชิกจะได้รับยกเว้นภาษีกรณีใดได้บ้าง เกษียณอายุตามข้อบังคับกองทุนหมายความว่าอย่างไร เพราะเหตุใดถ้าเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาโดยตลอดต้องเป็นสมาชิกต่อเนื่อง ถ้าโอนมาจาก กบข. ไม่มีคำว่าต่อเนื่อง เจตนาคืออะไร หากจะนับอายุสมาชิกต่อเนื่องจะนับอย่างไร ฯลฯ ครั้งหน้าจะมาอธิบายให้ฟังทีละข้อค่ะ
ระหว่างนี้หากเพื่อนสมาชิกมีข้อสงสัย สามารถหาคำตอบในเรื่องที่สงสัยเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้ในหัวข้อ FAQ และอ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ในหัวข้อ บทความน่าอ่าน ใน www.thaipvd.com แล้วพบกันใหม่ สวัสดีค่ะ


