บลจ.วี น้องใหม่เปิดตัวแรง ตั้งเป้าเอยูเอ็ม 3 ปี หมื่นล้านบาท
ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “We design your wealth, We grow together”
ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “We design your wealth, We grow together”
ช่วงเดือนมี.ค.2562 อุตสาหกรรมกองทุนรวมมีน้องใหม่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ โดยมีชื่อสั้น ๆว่า บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วี ภายใต้ความเงียบนั้นกลับพบว่าที่แท้บลจ.น้องใหม่รายนี้กลับเป็นเสือซุ่มและทำงานเชิงรุกโดยได้เสนอขายกองทุนไปแล้ว 7 กองทุน
ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2562 มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(เอยูเอ็ม) ที่ 3,196 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ 88% และกองทุนรวมต่างประเทศ 12% อยู่ในอันดับที่ 19 จาก จำนวน 23 บลจ.
บลจ.วี ถือหุ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์(บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) สัดส่วน 51% และอีก 49% ถือหุ้นโดยคณะผู้บริหาร
วันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา น.ส.งามนภา ธวัชโชคทวี กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ ได้นำทีมผู้บริหารเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมพกพาความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจ เธอประกาศว่าบลจ.วี จัดตั้งขึ้นโดยมีทีมผู้บริหารที่เชี่ยวชาญด้านตลาดเงินตลาดทุนรวมถึงผลิตภัณฑ์การลงทุน ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจกองทุนรวมและธุรกิจหลักทรัพย์มากกว่า 20 ปี
บลจ.วี ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “We design your wealth, We grow together” คือ การออกแบบผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่เหมาะกับนักลงทุนที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน ทั้งกลุ่มนักลงทุนทั่วไป กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ กลุ่มนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน และกลุ่มนักลงทุนสถาบัน
"เราจะนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอ พร้อมด้วยความหลากหลายด้านนวัตกรรมทางการเงินที่สามารถสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้าได้"แม่ทัพหญิง กล่าว
สำหรับตัวเลขสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่ทำได้แล้วนั้น เธอบอกว่าเป็นการเติบโตที่น่าพอใจและเป็นไปตามเป้าหมาย ขณะที่สิ้นปี 2562 ตั้งเป้าขยายเอยูเอ็มให้เติบโตที่ 6,700 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบรรลุเป้าไปแล้ว 48% และใน 3 ปีข้างหน้าตั้งเป้าเอยูเอ็มที่ 10,000 ล้านบาท
ด้านนายอิศรา พุฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.วี กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีกองทุนรวมที่หลากหลายและมีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกัน กลยุทธ์หลักที่ บลจ. วี ยึดมั่นและดำเนินมาตั้งแต่เริ่มจัดตั้ง คือ การสร้างผลตอบแทนที่ดีควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม
บลจ.วี มีปรัชญาในการบริหารการลงทุน 4 ข้อ คือ 1.การบริหารการลงทุนแบบ Top Down และ Bottom up 2. การกำหนดกลยุทธ์เพื่อกระจายความเสี่ยงในแต่ละประเภทสินทรัพย์ 3.ยึดหลักการบริหารงานเป็นทีม โดยมีคณะกรรมการการลงทุนเป็นศูนย์กลางการบริหารการลงทุน และมีคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงในการตรวจสอบกลยุทธ์การลงทุน และ 4. การมีวินัยในการลงทุน และ ผู้จัดการกองทุนยึดหลักความรอบคอบระมัดระวัง เน้นที่วัตถุประสงค์การลงทุนที่ชัดเจน และมีระบบในการตรวจสอบอย่างสม่ำเสนอ
สำหรับจุดเด่นของบลจ. วี ที่ทำให้สามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมได้ คือ การยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก และมองการเติบโตไปพร้อมกับลูกค้า ซึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงต้องอาศัยประสบการณ์และวินัยในการลงทุนซึ่งทีมงานของบลจ.วี มีความพร้อมในส่วนนี้
"เราผ่านวัฏจักรตลาดทุนมาแล้วทุกรูปแบบ และการเป็นบลจ.ที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก ทำให้ตอบสนองต่อภาวะตลาดได้อย่างรวดเร็ว และคล่องแคล่วว่องไว หากมีโอกาสในการลงทุนจึงสามารถออกกองทุนเพื่อจับจังหวะในการสร้างผลตอบแทนให้กับลูกค้าได้ทันที" นายอิศรา กล่าว
ด้านผลิตภัณฑ์และช่องทางบริการซึ่งรับผิดชอบโดย น.ส. นิตยา เลิศแสงเพชร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์และช่องทางบริการ เธอกกล่าวว่า ในด้านของผลิตภัณฑ์มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนควบคู่กับการบริหารความเสี่ยง โดยเน้นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการบริหารจัดการกองทุน ซึ่งจุดแข็งของบริษัทในด้านของบุคลากรและพันธมิตรทางธุรกิจด้านจัดการลงทุน ทำให้สามารถเติมเต็มผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์การลงทุนได้ดี
“เราเชื่อว่ากองทุนที่มีสไตล์และแนวทางการลงทุนที่ชัดเจนจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม ซึ่งในการคัดเลือกพันธมิตรด้านจัดการลงทุนในต่างประเทศ จะคัดเลือกบลจ.ที่มีปรัชญาการลงทุนที่ใกล้เคียงกับบลจ. วี และนำเสนอการลงทุนโดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้าเป็นสำคัญ” น.ส.นิตยา กล่าว
สำหรับครึ่งปีหลัง บลจ.วี มีแผนในการออกกองทุนรวมอีก ประมาณ 12 กองทุน ได้แก่ กองทุนทางเลือกทดแทนกองทุนตราสารหนี้ประเภทเทอมฟันด์ กองทุนตราสารทุน ประเภท Global Security Fund กองทุนต่างประเทศที่เน้นการจัดสินทรัพย์การลงทุนประเภท Global Multi Asset Income Fund และกองทุนตราสารทุน เพื่อให้มีผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการลูกค้าในการจัดสรรพอรต์การลงทุนที่เหมาะสมในปีนี้
ด้านช่องทางการขาย ปัจจุบันบริษัทได้เชื่อมต่อระบบฟันด์คอนเน็กซ์ ซึ่งเป็นระบบหลักที่สามารถรองรับช่องทางการขายได้หลากหลายช่องทาง ทั้งด้านตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุน และการเชื่อมต่อกับฟินเทค โดยระบบสามารถรองรับการซื้อขายหน่วยลงทุนกับตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุนได้ดี สะท้อนจากการเสนอขายหน่วยลงทุนช่วงที่ผ่านมาของบริษัทผ่านทาง บล.เคทีบี (ประเทศไทย) บนระบบดังกล่าว
คาดว่าปลายปีนี้ บริษัทจะสามารถเปิดช่องทางซื้อขายกองทุนรวมผ่าน Streaming for Fund และการเปิดบัญชีซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตได้ รวมถึงการขยายช่องทางการขายผ่านตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุนอื่น ๆ ที่จะเริ่มทยอยเพิ่มขึ้นในปีนี้
น.ส.นิตยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดบริษัทได้ออกกองทุนเปิด วี โกลบอลเทคโนโลยี (WE-GTECH) เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก(ไอพีโอ) ถึงวันที่ 7 ส.ค.นี้ ซึ่งเป็นกองทุนที่เชื่อว่าการลงทุนในเทคโนโลยีเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ผู้ลงทุนควรมีในพอร์ตการลงทุน จากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคตามกระแสการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล ซึ่งธุรกิจต่าง ๆ มีการปรับตัวใช้เทคโนโลยีเติมเต็มธุรกิจเพื่อตอบสนองผู้บริโภค
ขณะเดียวกันการคัดเลือกหุ้นเทคโนโลยีจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถวิเคราะห์แนวโน้มการทำธุรกิจของหุ้นเทคว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและบริหารความเสี่ยงได้ดี บลจ.วี จึงคัดเลือก POLAR CAPITAL ASSET MANAGEMENT ซึ่งเป็นผู้นำด้านการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่ในยุโรปเป็นผู้บริหารกองทุนดังกล่าว
กองทุนเปิด วี โกลบอลเทคโนโลยี มีนโยบายลงทุนในหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีการเติบโตตามเมกะเทรนด์ทั่วโลก ผ่านกองทุนหลัก POLAR CAPITAL FUNDS PLC GLOBAL TECHNOLOGY FUND ที่เน้นเลือกลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกและพฤติกรรมผู้บริโภค และมีแนวโน้มการเติบโตของรายได้และกระแสเงินสดสม่ำเสมอ
กองทุนกระจายลงทุนใน 8 กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสำคัญที่อยู่ในโครงสร้างธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เติบโตยั่งยืนตามพฤติกรรมผู้บริโภค ได้แก่ E-Commerce and Payment, Digital Advertising and Marketing, Cyber and Physical Security, Cloud Infrastructure, Software As A Service, Digital Content and Gaming, Robotic and Automation และ Rising Semiconductor Complexity
โดยเลือกลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่าตลาดไม่ต่ำกว่า 200 ล้านดอลลาร์ มีการเติบโตอย่างน้อยในระดับ 1.5-2 เท่า เมื่อเทียบกับการเติบโตของดัชนี และมีการเติบโตของรายได้ประมาณ 15-25% ต่อปี ซึ่งจากแนวทางการบริหารกองทุนที่มีความชัดเจนสะท้อนผลถึงการดำเนินงานกองทุนที่ดีตลอดช่วงการบริหารกองทุนกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
บลจ.วี ประเมินว่ากำไรของกลุ่มเทคโนโลยีในไตรมาสที่ 2 จะยังมีการเติบโตที่ดี ขณะที่การส่งสัญญาณผ่อนคลายของนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีหลัง จะส่งผลบวกต่อราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี


