พล.ต.ท.ก้องเกียรติ อภัยวงศ์ อยากเห็น ตม.ดีขึ้นกว่านี้
พล.ต.ท.ก้องเกียรติ อภัยวงศ์ อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และอดีตรองผู้บัญชาการ กองบัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันที่เกษียณอายุราชการมานานกว่า 4 ปี ในวันที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในวงการสีกากีมาหลายสิบปี ยังมีหน้าตาที่สดใสและพร้อมจะบอกเรื่องราวต่างๆ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อวงการสีกากีบ้านเรา
“
ผมอยู่ ตม.มาหลายปี ก็อยากพูดเรื่องเกี่ยวกับ ตม. ซึ่งหน่วยงานนี้เป็นหน่วยงานที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ ซึ่งรัฐบาลต้องให้ความสำคัญมากกว่านี้ รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับ ตม.เป็นอันดับ 1 แต่ปัจจุบันหน่วยงานนี้ถูกมองข้ามไป”สิ่งสำคัญที่ พล.ต.ท.ก้องเกียรติ สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน คือ เรื่องของการแต่งตั้งตัวบุคคลมาเป็นผู้บังคับบัญชา โดยไม่ได้เลือกคนที่มีประสบการณ์ มีความรู้เฉพาะด้านตรวจคนเข้าเมืองเข้ามารับผิดชอบในตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่ใช่เลือกใครก็ได้มานั่งในตำแหน่งนี้
ที่ผ่านมา สตม.มีปัญหาการทำงาน คือ การทำงานไม่ต่อเนื่อง ผู้บังคับบัญชาในระดับสูงไม่รู้งาน เพราะถูกโยกย้ายมาจากที่อื่น ต้องใช้เวลาศึกษางานนานพอสมควร และพอจะรู้ระบบการทำงาน ระบบงานต่างๆ ก็ถูกย้ายออกไปอีก ทำให้การทำงานไม่ต่อเนื่องเท่าที่ควร
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ก้องเกียรติ มองว่า หากต้องการให้ สตม.สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ควรจะต้องแยก สตม.ออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. ให้ สตม.ขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี ก็จะเป็นการดี
“
ในต่างประเทศ งานตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้ขึ้นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการแยกเป็นหน่วยงานอิสระ เพื่อให้เกิดความชำนาญในการทำงานอย่างเต็มที่ มีการโตในสายงานนั้นๆ ไม่ใช่มีการสลับสับไปมา อย่างนี้ผิดหมด ต้องมองในเรื่องความมั่นคงด้วย เพราะประเทศไทยกำลังเสียหายอย่างหนัก ตอนนี้มีใครรู้หรือเปล่าว่า ไทยเรามีคนลักลอบเข้าเมืองอยู่เท่าไหร่ ไม่รู้ ไม่มีหน่วยงานไหนรู้ ตม.ก็ไม่รู้ ไม่มีใครทำสถิติ มีแต่การประมาณเท่านั้น ไม่มีหน่วยงานใดพิสูจน์ได้”พล.ต.ท.ก้องเกียรติ บอกว่า กำลังพลและคุณภาพของ ตม.ก็เป็นสิ่งที่มีปัญหา ซึ่งไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้อง โดยบุคลากรของ ตม.นั้นควรจะต้องได้รับการคัดเลือกอย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่แต่งตั้งใครมานั่งบริหารก็ได้
“
พูดตรงๆ เด็กใน ตม.ส่วนใหญ่เป็นพวกมีเส้นสายทั้งนั้น แต่ต้องให้ความสำคัญด้านประสบการณ์เป็นหลัก เพื่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ พอทำงานเป็นก็ถูกย้าย เรื่องนี้เกิดขึ้นกับทุกระดับ คนที่ตั้งใจทำงานก็ไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร ทำให้ไม่ได้ขวัญกำลังใจเท่าที่ควร การเลื่อนยศต้องมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน ไม่ใช่ใครอยากเลื่อนก็เลื่อนเหมือนอย่างปัจจุบัน เกณฑ์เลื่อนตำแหน่งก็มีกำหนดไว้ แต่ไม่ได้นำมาใช้ การวิ่งเต้นมีอยู่และแก้ไม่หาย”อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ก้องเกียรติ เชื่อว่าปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ หากผู้บังคับบัญชามีความเข้มแข็ง มีความรู้ กล้าเดินในสิ่งที่ถูกต้อง ต้องเป็นหลักให้ลูกน้องให้ได้
ส่วนเรื่องกฎระเบียบการแต่งตั้งโยกย้ายนั้น อยากให้พัฒนาให้เป็นกฎหมาย ใครก็ไม่สามารถฝ่าฝืนได้ ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นระเบียบอย่างที่เป็นอยู่ ก็มีข้อยกเว้นเกิดขึ้นตลอด
นอกจากนี้ ตำรวจสันติบาลก็ควรจะแยกเป็นอิสระขึ้นกับสำนักนายกฯ เช่นเดียวกัน เพราะเป็นหน่วยงานที่ต้องมีความเป็นอิสระสูงในการทำงาน ไม่ต้องขึ้นกับ สตช.
ขณะที่เรื่องของการกระทำผิดกฎหมายต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมามีกระแสข่าวเกิดขึ้นตลอดว่า ต้องมีเจ้าหน้าที่ของ ตม.เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หากเรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับการเดินทางผ่านเข้าออกประเทศนั้น พล.ต.ท.ก้องเกียรติ บอกว่า เรื่องการทุจริตนั้นเกิดขึ้นกับทุกหน่วยงาน ไม่ใช่แค่ ตม.เพียงหน่วยงานเดียว
“
เรื่องนี้อยู่ที่ตัวบุคคล ไม่ได้อยู่ที่หน่วยงาน ซึ่งหน่วยงานต้องมีมาตรการที่เข้มงวด กวดขัน และเด็ดขาด กำหนดแนวทางลงโทษให้ชัดเจน ที่สำคัญอยู่ที่ตัวหัวหน้าหน่วยเป็นหลัก ถ้าหัวหน้าหน่วยไม่ทำผิดด้วย ลูกน้องก็ไม่กล้า สมัยผมอยู่ ตม.เงินนอกระบบหายไปเกือบหมด เพราะผมกำหนดโทษไว้เลยว่า ถ้ามีเหตุการณ์ทุจริตเกิดขึ้น โทษต้องรุนแรง เฉียบขาด ย้ายออกไปนอกหน่วย ตม. ก็ไม่กล้าทำแล้ว”พล.ต.ท.ก้องเกียรติ ย้ำว่า อีกเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไข คือ เรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน เพราะขณะนี้ประเทศไทยติดอันดับการทุจริตคอร์รัปชันสูงมาก จากคะแนนเต็ม 10 ประเทศไทยได้ 3.2 คะแนนเท่านั้น แต่ประเทศสิงคโปร์ได้คะแนนสูงถึง 9.4 คะแนน แสดงให้เห็นว่าการทุจริตคอร์รัปชันนั้นเข้าไปอยู่ในทุกภาคส่วนของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไข
ทั้งนี้ เพราะคะแนนดังกล่าวจะถูกนักลงทุนนำไปพิจารณาว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่น่าลงทุน มีการคอร์รัปชัน ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสในการลงทุนอีกจำนวนไม่น้อย
“
เรื่องคอร์รัปชันกลายเป็นโรคเรื้อรังของประเทศ เป็นมะเร็งร้ายของเรา ที่รัฐบาลต้องหันมาให้ความสนใจ รัฐบาลต้องดูภาพในระดับแมกโคร โดยต้องวางแผนพัฒนาของชาติ แล้วให้ทุกรัฐบาลเดินหน้าตามแผนนั้น เพื่อไม่ให้เกิดโครงการต่างๆ ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อชาติ ไม่ใช่เกิดแต่โครงการที่พรรคการเมืองต้องการ เพื่อให้เกิดการจัดซื้อจัดจ้าง”ทั้งนี้ แผนพัฒนาชาติต้องถูกกำหนดให้เป็นกฎหมาย เพื่อที่ไม่ว่าพรรคการเมืองใดเมื่อเข้ามาบริหารประเทศต้องปฏิบัติตาม แต่ปัจจุบันแผนพัฒนาประเทศถูกทอดทิ้ง หากพรรคที่เข้ามาบริหารประเทศไม่ได้เป็นคนคิดแผนดังกล่าว เพราะกลัวว่าจะไม่ได้คะแนนเสียง ไม่มีการสานต่อแผนพัฒนาประเทศ ถือว่าระบบของประเทศไทยค่อนข้างอ่อนแอ ก็ต้องมาแก้ในเรื่องนี้ด้วย
นี่เป็นเพียงความคิดส่วนหนึ่งของผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในวงการสีกากีเมืองไทยมาอย่างยาวนาน ทำให้มองเห็นปัญหาต่างๆ และแนวทางการแก้ไขปัญหา เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ดีขึ้น และสุดท้ายก็จะทำให้ประเทศไทยดีขึ้น


