“สฟิงโกไมอีลิน” หนึ่งตัวช่วยสำคัญในการพัฒนาสมองของลูกน้อย
เพราะ “สมอง” คือแหล่งขุมทรัพย์ทางปัญญาของลูกน้อย ทำให้การพัฒนาสติปัญญาของลูกเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนให้ความสำคัญอย่างมาก
เพราะ “สมอง” คือแหล่งขุมทรัพย์ทางปัญญาของลูกน้อย ทำให้การพัฒนาสติปัญญาของลูกเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนให้ความสำคัญอย่างมาก ซึ่งการที่เด็กแต่ละคนจะเติบโตพร้อมที่จะเรียนรู้และประสบความสำเร็จในอนาคตได้นั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการเสริมสร้างสมองของลูกให้เจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการทำงานของสมองแต่ละส่วนให้มีการพัฒนาและเชื่อมโยงระหว่างกันได้อย่างครบวงจรนั่นเอง
ผศ. นพ. วรสิทธิ์ ศิริพรพาณิชย์ กุมารแพทย์โรคระบบประสาท อาจารย์ประจำศูนย์วิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้อธิบายว่า การพัฒนาของสมองเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงที่ทารกอยู่ในท้องแม่ไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ซึ่งการส่งเสริมการพัฒนาของสมองนั้น พ่อแม่สามารถทำได้ด้วยการให้สารอาหารที่ครบถ้วน และให้เด็กได้มีโอกาสเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อเป็นการพัฒนาสติปัญญา โดยการสร้างการเชื่อมโยงของสมองแต่ละส่วน (Brain Connection) นับเป็นกลไกสำคัญที่สุดในการทำงานของสมองที่ต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วถึงส่งผลให้การทำงานของสมองมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะคิดค้นสิ่งใหม่ๆ การจัดการข้อมูลในปริมาณมหาศาล หรือการแก้ไขปัญหายากๆ ล้วนเกิดจากการส่งสัญญาณหากันด้วยความรวดเร็วของสมองแต่ละส่วนทั้งสิ้น
โดยในสมองของเรานั้นจะมีกระบวนการที่เซลล์ประสาทส่งแขนงประสาทนำออกไปยังเซลล์ประสาทอีกเซลล์หนึ่ง (ใยสมอง) เพื่อส่งสัญญาณบอกเซลล์ประสาทตัวถัดไป ทำหน้าที่เหมือน “ถนน” ในการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาท ซึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทนั่นก็คือ การสร้างไมอีลิน (Myelin) ซึ่งจะสร้างอย่างรวดเร็วตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์จนถึง 2 ปีแรก โดยไมอีลินนี้จะห่อหุ้มเส้นใยประสาทและช่วยส่งสัญญาณแบบก้าวกระโดด ทำให้การเชื่อมโยงของสมองแต่ละส่วนทำงานได้รวดเร็ว โดยหนึ่งสารอาหารสำคัญในการสร้างไมอีลินก็คือ สฟิงโกไมอีลิน (Sphingomyelin) ซึ่งพบได้มากในนมแม่ และผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ครีม ชีส ฯลฯ ดังนั้น นมแม่จึงเป็นแหล่งอาหารสำคัญของทารกและควรได้รับอย่างเต็มที่เพียงอย่างเดียวเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อเพิ่มปริมาณไมอีลินในสมองและส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กให้ดีขึ้นตามไปด้วย
ทั้งนี้ เราสามารถตรวจเช็คความสมบูรณ์หรือหาความเสียหายต่างๆ ของสมองได้ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยอย่างเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็ก หรือ เอ็มอาร์ไอ (Magnetic Resonance Imaging, MRI) ได้ โดย ดร. นพ. วิทยา สังขรัตน์ อาจารย์ประจำภาควิชารังสีวิทยา และศูนย์วินิจฉัยรังสีก้าวหน้า (ไอแมค AIMC) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่าในปัจจุบันมีความก้าวหน้าของการตรวจสมองไปอย่างรวดเร็วมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจหาการทำงานของสมองโดยเอ็มอาร์ไอ เพราะมีการนำความรู้ความก้าวหน้าทางวิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ ที่ศูนย์รังสีวินิจฉัยก้าวหน้า (ไอแมค AIMC) สามารถตรวจสมองได้เกินกว่า 3 มิติในแบบเดิม ๆ สู่การตรวจแบบ 4-5 มิติมานานแล้ว ทำให้เราสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของภาพเอ็มอาร์ไอสมองเมื่อสมองทำงานหนึ่ง ๆ (functional MRI, fMRI) ได้ และรู้ว่าสมองหลายๆ ส่วนทำงานและประสานงานกัน (functional connectivity and brain networks) ส่วนเวลาสมองรับรู้เราก็ตรวจจับได้เช่นกัน นอกจากนี้ การตรวจเอ็มอาร์ไอยังสามารถตรวจหาการเชื่อมต่อเครือข่ายใยสมอง (structural brain networks) สามารถวัดค่าความสมบูรณ์ของใยสมอง (brain fiber integrity) และยังสามารถคำนวณสร้างรูปความน่าจะเป็นของโยงใยเครือข่ายใยสมอง แม้กระทั่งไมอลินในใยสมอง ก็สามารถตรวจสร้างภาพและวัดค่าได้ด้วยเทคนิคใหม่ ๆ ของเอ็มอาร์ไอได้เช่นเดียวกัน
คุณให้เต็มศักยภาพ ด้วยการให้ลูกน้อยกินนมแม่หรืออาหารที่มีสฟิงโกไมอีลินอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเสริมสร้างไมอีลินในใยสมองให้มากขึ้น เพื่อลูกน้อยจะได้พร้อมที่จะพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้และสติปัญญาต่อไปในอนาคต
#สพิงโกไมอีลิน


