นัว่านหางจระเข้ไทย ขายไกลไปต่างแดน
....สมชาย บุญเหลือ
ว่านหางจระเข้ พืชสมุนไทยที่มีสรรพคุณทางยาและการรักษามากมายหลายอย่าง วันนี้คนไทยหัวใสนำพืชชนิดนี้มาเพิ่มมูลค่าในรูปแบบต่างๆ แต่ที่จะพาไปดูเป็นการนำมาแปรรูปผสมในน้ำเชื่อม ส่งขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปและส่งขายต่างประเทศ สร้างรายได้ให้กลุ่มแม่บ้านหลักสอง ต.หลักสอง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
แต่กว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จผลิตน้ำว่านหางจระเข้ในน้ำเชื่อมออกมาขายติดตลาดได้ถึงทุกวันนี้ ต้องลองผิดลองถูก ล้มลุกคลุกคลานมามาก หากย้อนไปดูอดีตพวกเขารวมตัวกันเพื่อหารายได้ให้กลุ่มแม่บ้านยามว่างจากงานประจำเท่านั้นเอง และไปจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2548
จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี มาจนถึงวันนี้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาชื่อเสียงโด่งดังมีลูกค้ามากมาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสด สะอาด และมีรสชาติอร่อยนั่นเอง ที่สำคัญได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ในการปรับปรุงคุณภาพให้ถูกสุขลักษณะ จนได้รับการคัดสรรให้เป็นสินค้าสร้างชื่อ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ของจังหวัด
อีกทั้งยังได้รับใบอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรแปรรูปด้านอาหารปลอดภัยอีกด้วย ดังนั้นในด้านคุณภาพเชื่อถือได้ ส่วนความอร่อยและความสดต้องไปลองหาดื่มกันดู
สุดาทิพย์ มีแสงเงิน หรือพี่แดง ประธานกลุ่มพัฒนาสตรีหลักสอง เล่าว่า จะรับซื้อว่านหางจระเข้สดจากเกษตรกรในราคา 35 บาทต่อกิโล เมื่อ 10 ปีก่อน มีบริษัทต่างประเทศมากว้านซื้อว่านหางจระเข้โดยให้ราคาที่สูงมาก ก็เลยมีการประกันราคาไว้ในกิโลกรัมละ 5 บาท สำหรับเกษตรกรบางคนที่เขายอมเลิกปลูกพืชชนิดอื่น แล้วหันมาปลูกว่านหางจระเข้ส่งให้กับกลุ่มแม่บ้าน ดังนั้นจึงต้องประกันราคาให้เขา และราคาดังกล่าวก็ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ขั้นตอนการผลิตพวกเขาต้องนำว่านหางจระเข้สดมาล้างให้สะอาด เอาดินที่ติดมากับว่านหางจระเข้ออกให้หมดก่อนจะนำมาแปรรูป พอล้างสะอาดแล้วต้องปอกเปลือกด้วยมีสองคม คนปอกต้องมีความชำนาญ จากนั้นก็สไลด์เนื้อว่านหางจระเข้เป็นแผ่นบางๆ แล้วนำไปใส่เครื่องหั่นใบมีดสเตนเลส ภูมิปัญญาชาวบ้าน เนื้อว่านหางจระเข้ที่เครื่องหั่นออกมา ต้องเป็นเส้นบางเมื่อนำมาแปรรูปแล้ว ต้องดูดด้วยหลอดได้ทั้งหมด
การล้างเนื้อว่านหางจระเข้ก็เป็นขั้นตอนสำคัญ จะต้องนำเนื้อว่านหางจระเข้ที่หั่นแล้วล้างด้วยน้ำสะอาดเพื่อให้ยางและเมือกออกให้หมด ก่อนจะนำไปต้มในน้ำเดือด จากนั้นก็ตักใส่ตะแกรงอีกครั้งเพื่อใส่ในน้ำเชื่อมอบใบเตยที่เตรียมไว้ และการบรรจุลงในขวดพลาสติกก็เป็นขั้นตอนสุดท้าย
น้ำว่านหางจระเข้ในน้ำเชื่อมถือเป็นผลิตภัณฑ์เด่น 1 ใน 5 ผลิตภัณฑ์ ของ จ.สมุทรสาคร ซึ่งประกอบด้วย 1.เครื่องเบญจรงค์ 2.อาหารทะเล 3.กระปิ 4.น้ำพริก และ 5.น้ำว่านหางจระเข้ ซึ่งการจะมีชื่อเสียงติดอันดับของดีของจังหวัดได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเป็นของดีจริงและเป็นที่ยอมรับ
พี่แดงกล้าประกาศว่า ว่านหางจระเข้ที่นำมาผลิตน้ำว่านของกลุ่มแม่บ้านหลักสอง ปลอดสารเคมี เพราะเน้นอาหารปลอดภัย การผลิตเน้นความสะอาดเป็นอันดับแรก และไม่ใส่สารกันบูด
เมื่อผลิตเสร็จก็ต้องฆ่าเชื้อโรคด้วยความร้อน เชื้อโรคตัวใดไม่ตายในความร้อนก็จะนำไปฆ่าอีกทีโดยการน็อกในความเย็น สิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็เพื่อความสะอาดเป็นหัวใจสำคัญ จนคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. ได้มอบเครื่องหมาย อย.ให้เพื่อการันตีคุณภาพ และยังได้รับเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน มีตัวคิวรับรองวัตถุดิบว่าเป็นวัตถุดิบที่ปลอดสารเคมี
สำหรับกำลังผลิตแต่ละวันจะผลิตตามออร์เดอร์ที่สั่งเข้ามา อย่างต่ำแต่ละวันจะผลิตไม่ต่ำกว่า 500 โหล หรือ 6,000 ขวด การขายน้ำว่านหางจระเข้ในน้ำเชื่อม จะมีการจ้างฝ่ายการตลาดที่เก่งมาเป็นผู้จัดจำหน่ายและหาตลาด
เพื่อให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น คนที่มาทำงานด้านนี้มีประสบการณ์คนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 5 ปี จาก 7 สายงาน การผลิตจะมีแพ็กเกจของกลุ่มแม่บ้านเอง และแพ็กเกจของลูกค้า ทำตัวเหมือนกับมือปืนที่รับจ้างผลิตเพื่อให้ลูกค้านำไปติดตรา หรือโลโก้เองด้วย เห็นไหมใจกว้างขนาดไหน
ทุกวันนี้น้ำว่านหางจระเข้ของกลุ่มแม่บ้านหลักสอง จะมีจำหน่ายอยู่ตามห้างชั้นนำทั่วไป เช่น จัสโก้ เลมอนฟาร์ม ฟู้ดแลนด์ 108 ช็อป ร้านวุ้นคุณอุ๊ และยังส่งไปจำหน่ายที่โครงการหลวงดอยคำด้วย
สินค้าของคนไทยไม่ได้หยุดเพียงแค่ในประเทศ พี่แดงเล่าด้วยความภูมิใจว่า วันนี้น้ำว่านหางจระเข้สินค้าที่ผลิตจากภูมิปัญญาชาวบ้านโกอินเตอร์ส่งไปขายยังต่างประเทศอีกหลายประเทศด้วย โดย ไอทีฟู้ด สมุทรสาคร ในนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ได้มาสั่งให้กลุ่มแม่บ้านผลิตเพื่อส่งขายประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผลิตภัณฑ์ด้วยฝีมือคนไทยที่ควรภูมิใจอีกชิ้นหนึ่ง
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของกลุ่มแม่บ้านหลักสองได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป มียอดจำหน่ายนำรายได้เข้ากลุ่มแม่บ้านเพิ่มขึ้นทุกเดือน แรกๆ ที่ผลิตยอดอยู่ที่หลักพัน หลักหมื่น ก่อนจะขยับมาเป็นหลักแสน ปัจจุบันยอดอยู่ที่ 35 แสนต่อเดือน โดยยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย
เงินรายได้จำนวนนี้ส่วนหนึ่งจะแบ่งไปจ่ายเป็นค่าแรงให้กลุ่มแม่บ้าน 19 คนที่มาทำงาน รายได้ตกอยู่ที่คนละ 4,000 บาท
หากพูดถึงรายได้แม้จะเป็นเงินไม่มากสำหรับวิสาหกิจชุมชน แต่ที่น่าสนใจคือยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นมาตลอด แม้บางเดือนยอดจะตกลงไปบ้างเนื่องจากสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำท่วม แต่ก็มีอนาคตที่สดใสแน่นอน เพราะวันนี้โรงงานแห่งใหม่มูลค่า 5 ล้านบาท ที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากทาง จ.สมุทรสาคร ใกล้จะเสร็จในไม่ช้า หากโรงงานแห่งใหม่เสร็จสมบูรณ์ การผลิตคงเดินเครื่องเต็มสูบ
ลุงวิชัย มีแสงเงิน เกษตรกรผู้ปลูกว่านหางจระเข้ อ.บ้านแพ้ว เล่าว่า ปลูกว่านหางจระเข้ส่งขายมาหลายปีแล้ว ก่อนหน้านี้มีอาชีพทำการเกษตร ปลูกมะนาว ปลูกกล้วยไม้ และพืชอีกหลายชนิด แต่มีข้อเสียต้องใช้สารเคมีช่วยไม่เช่นนั้นต้นไม้ไม่งอกงาม
การใช้สารมีก็ไม่ดีต่อสุขภาพคนปลูก คนรับประทานก็ได้รับสารเคมีด้วย จึงมาปลูกว่านหางจระเข้ เนื่องจากเห็นกลุ่มแม่บ้านหลักสองเขารวมตัวกันทำน้ำว่านหางจระเข้พร้อมดื่มส่งขายอยู่แล้ว เลยคิดว่าหากปลูกว่านอยู่ในละแวกนี้เมื่อเก็บผลผลิตได้ ก็ตัดส่งขายได้เลย
ถึงวันนี้ลุงวิชัยปลูกว่านหางจระเข้บนเนื้อที่ 5 ไร่ การดูแลรักษาก็ไม่ยาก ใช้เวลาปลูก 812 เดือน ก็สามารถตัดผลผลิตมาขายได้แล้ว แต่เมื่อปลูกครบ 12 เดือน หรือ 1 ปีแล้ว ต่อไปก็จะสามารถตัดผลผลิตได้ทุกเดือน วิธีการตัดต้องเลือกต้นที่แก่ ไม่ใช่ตัดได้ทุกก้าน คนที่ปลูกครั้งแรกต้องรอหน่อยเพราะจะใช้เวลารอครั้งแรกค่อนข้างยาว แต่เมื่อครบ 1 ปี ก็สามารถตัดผลผลิตได้ตลอด เดือนละ 1 ครั้ง
สำหรับอายุของว่านหางจระเข้ที่ลงแปลงแล้วเมื่อหมดอายุลง ไม่ต้องขุดทิ้งจะตายไปเองจนกลายเป็นปุ๋ย แล้วจะมีหน่อใหม่ก็ขึ้นมาแทนที่เหมือนหน่อกล้วย หลังจากนั้นก็สามารถตัดหน่อใหม่มาลงแปลงอื่นได้อีก ลงทุนเพียงครั้งเดียว แล้วก็ดูแลให้ปุ๋ยให้น้ำก็สามารถเก็บผลผลิตได้ตลอด
ราคาว่านหางจระเข้สดที่เพิ่งตัดจากไร่ส่งขายกิโลกรัมละ 5 บาท ในแต่ละวันลุงวิชัยจะตัดได้ 500 กิโลกรัม หักกลบลบหนี้เงินทุนที่ลงไปก็ถือว่าคุ้ม เพราะไม่ได้ใช้สารเคมี คุ้มกว่าปลูกพืชชนิดอื่น ที่สำคัญมีแหล่งรับซื้อทันทีที่ตัดออกมาจากไร่ มีเท่าไหร่ก็รับได้หมด ตรงนี้แหละที่มองว่าคุ้ม
หากใครสนใจจะหาน้ำว่านหางจระเข้ในน้ำเชื่อมของกลุ่มแม่บ้านหลักสองมาดื่มให้ชื่นใจ ก็ลองไปหาตามร้านค้าทั่วไป นอกจากมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังช่วยอุดหนุนอาชีพของคนไทยที่มีหัวคิดรวมกลุ่มกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ออกมา และยังทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งอีกด้วย!!!


