posttoday

On-Demand Learning

23 มีนาคม 2562

โดย....อัจฉรา จุ้ยเจริญโค้ชผู้บริหารที่ได้รับการรับรอง จากสหพันธ์โค้ชนานาชาติ กรรมการผู้จัดการบริษัท แอคคอมแอนด์อิมเมจ อินเตอร์เนชั่นแนล

โดย.... อัจฉรา จุ้ยเจริญ โค้ชผู้บริหารที่ได้รับการรับรอง จากสหพันธ์โค้ชนานาชาติ กรรมการผู้จัดการบริษัท แอคคอมแอนด์อิมเมจ อินเตอร์เนชั่นแนล

ในอดีตกว่าที่ความรู้ต่างๆ จะเพิ่มพูนเป็นเท่าตัวจะต้องใช้เวลามากกว่ายี่สิบปี ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น ความรู้ในบางเรื่องเพิ่มพูนอึกเท่าตัวภายในเวลาสองปีเท่านั้น โดยเฉลี่ยความรู้ทั่วๆ ไปเพิ่มพูนอีกเท่าตัวได้ในทุกๆ สิบสามเดือน

ด้วยอัตราการเติบโตของข้อมูลและความรู้ใหม่ๆ นี้รูปแบบการเรียนรู้ของคนเราคงจะอยู่แต่ในห้องเรียน หรือนั่งรอกำหนดการเรียนรู้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แต่มีแนวโน้มจะเป็นการเรียนรู้แบบ On-Demand Learning คือเรียนที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ ตามที่ต้องการ และเลือกหัวข้อ และระยะเวลาได้ด้วยตนเองแบบเฉพาะเจาะจงได้

การพัฒนาตนเองให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงต้องอาศัยการเรียนรู้แบบต่อเนื่อง ในอดีตบุคลากรอาจจะรอให้องค์กรระบุหรือมอบหมายให้ว่าตนเองควรเรียนรู้อะไรและเมื่อไหร่ แต่ในอนาคตอันใกล้นี้บุคลากรจะเป็นผู้ที่กุมบังเหียนการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง อย่างเช่น มีคำถามด้านการบริหารงานหรือโครงการ บุคลากรสามารถเข้าเรียนรู้ผ่านช่องทาง e-Learning และ Microlearning ได้ทันทีตามที่ตนต้องการ และสามารถเรียนรู้ผ่านอุปกรณ์สื่อสารของตนเองได้ตลอดเวลา

องค์กรและผู้นำของพวกเขามีแนวโน้มที่จะปรับบทบาทจากการเป็นผู้กำหนดหรือผู้ควบคุมการเรียนรู้ มาเป็นผู้ที่จัดสรรหรือจัดหาแหล่งข้อมูลความรู้ที่ดีไว้ให้พวกเขา อย่างเช่น e-Learning ที่เป็นการเรียนรู้แบบชุดสั้นๆ เข้าใจง่าย และมีการปรับหรือเพิ่มข้อมูลใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยบุคลากรสามารถเลือกเวลาและสถานที่ในการเรียนรู้ให้ตนเองได้ ช่วยให้สร้างสมดุลด้านงานและชีวิตส่วนตัวได้ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม การลงทุนด้าน e-Learning ใช้ทั้งงบประมาณและเวลา ซึ่งส่วนใหญ่ต้องจ่ายล่วงหน้า อาจไม่คุ้มค่าหากบุคลากรไม่ได้ใช้งานให้เกิดประโยชน์ เช่น มีหัวข้อเยอะไปจนเลือกไม่ถูก การจัดการให้ระบบนำเสนอหัวข้อที่เหมาะกับบทบาทของผู้เรียนและความสนใจของแต่ละคน (Adaptive) จึงสำคัญอย่างยิ่ง

ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้แบบในห้องเรียนหรือผ่าน e-Learning ก็ตาม ประสบการณ์ในการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด e-Learning ที่ดีควรมีรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจ และให้ผู้เรียนเลือกได้ตามสไตล์การเรียนรู้ของแต่ละคน เช่น บางคนชอบดู (Visual) บางคนชอบฟัง (Audio) หรือชอบแข่งขัน ทดสอบตนเอง (Active) และหลังจากการเรียนรู้ มีโค้ชหรือพี่เลี้ยงที่ช่วยสร้างความกระจ่างชัดในประเด็นที่ต้องการ หรือช่วยกระตุ้นการลงมือปฏิบัติ

การจัดให้มีกลุ่มการเรียนรู้ที่เปิดให้บุคลากรได้มาแบ่งปันสิ่งที่ตนได้เรียนรู้ ทำให้บุคลากรเป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งทำให้เกิดการจดจำที่ดีขึ้น ในบรรยากาศที่สนุกสนานได้ ด้วยรูปแบบการเรียนรู้ที่เปลี่ยนไป เราอาจจะได้เห็นบทบาทใหม่ๆ ของหน่วยงานอบรม เช่น เปลี่ยนจาก Training Manager มาเป็น Learning Experience Manager หรือ Learning Community Manager

ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้แบบใด การประเมินผลเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ซึ่งการประเมินผลควรทำมากกว่า “ความพึงพอใจของผู้เรียน” และควรประเมินในระดับสูงขึ้น เช่น ผู้เรียนสามารถนำไปใช้ในการทำงานได้จริง เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น หรือประเมินไปถึงในระดับผลลัพธ์ทางธุรกิจด้วย

ข่าวล่าสุด

คนละครึ่งพลัส หนุน “พาสต้า บ่? - มีลาภ อุบลฯ" ยอดขายพุ่ง แชมป์ร้านต่างจังหวัดขายดี