ขึ้นภาษีบุหรี่ป่วนคนสูบไม่ลด

สรรพสามิตอ้างไม่เลื่อนขึ้นภาษีบุหรี่ 40% เพราะคนสูบลดลง นักวิชาการโต้ทันควันข้อมูลคลาดเคลื่อน

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า อัตราภาษีบุหรี่ใหม่ที่เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2560 ที่ให้เก็บตามปริมาณ 1.20 บาท/มวน และตามราคา 20% สำหรับบุหรี่ที่ราคาไม่เกินซองละ 60 บาท และ 40% สำหรับบุหรี่ที่ราคาเกินซองละ 60 บาท เป็นข้อตกลงของทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพิจารณาและตกลงกำหนดการเก็บภาษีเป็น 2 ราคา เป็นเวลา 2 ปี และจะเก็บเป็น 40% ทุกราคาในวันที่ 1 ต.ค. 2562 หากวันนี้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมจะต้องหารือกับทุกฝ่ายที่เคยตกลงกันมาอย่างเป็นทางการเสียก่อนว่าจะกำหนดอย่างไร

"การเพิ่มอัตราภาษีดังกล่าว ทำให้คนรักษาสุขภาพมากขึ้น จำนวนคนสูบลดลง หากจะให้มีการขยายเวลาการ ขึ้นภาษี 40% ออกไป ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ต้องหาเหตุผลว่าทำไมต้องขยาย เวลาขึ้นภาษีออกไป" นายพชร กล่าว

ด้านนักวิชาการรายหนึ่ง ให้ความเห็นว่า ในช่วง 3 ปี ระหว่างปี 2558-2560 จำนวนคนสูบบุหรี่ลดลงเพียง 4.1% แต่จำนวนบุหรี่ที่เสียภาษีกับกรมสรรพสามิตในปี 2560 ลดลงจากปี 2558 ประมาณ 8% มากกว่าเท่าตัว จำนวนคนสูบที่ลดลงน้อยกว่าอาจเกิดจากผู้สูบบางส่วนหันไปสูบบุหรี่เถื่อนหรือยาเส้นที่มีราคาถูกกว่ามาก

นอกจากนี้ การเก็บภาษีบุหรี่ในปี 2561 ลดลงกว่า 30% จากปี 2558 เพราะราคาบุหรี่แพงขึ้น 50% ส่งผลให้คนนิยมหันไปหายาเส้นและบุหรี่เถื่อนที่แทบจะไม่ได้เสียภาษีเลยเพิ่มขึ้น ดังนั้น เพื่อให้การใช้นโยบายภาษีมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งด้านสุขภาพและรายได้รัฐ ป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชน รัฐควรขึ้นภาษียาเส้นไม่ควรเก็บภาษีต่ำกว่าบุหรี่มากนัก