เขต1มุกดาหารพื้นที่แข่งเดือด 3พรรคใหญ่มั่นใจแพ้ไม่ได้
มุกดาหารมีประชากรประมาณ 3 แสนคนเศษ
มุกดาหารมีประชากรประมาณ 3 แสนคนเศษ ผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งประมาณ 2.7 แสนคน มี สส.ได้จำนวน 2 คน แบ่งออกเป็น 2 เขตเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยยึดครองตำแหน่ง สส. เหมารวมทั้ง 2 เขต คือ อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ สส.เขต 1 และ บุญฐิน ประทุมลี ในเขตเลือกตั้งที่ 2
แต่สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 มี.ค.นี้ แม้กระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ จ.มุกดาหาร บวกกับฐานเสียงกลุ่มคนเสื้อแดงจะยังคงเหนียวแน่น แต่ก็ต้องเผชิญความท้าทายจากผู้สมัครของพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะจากพรรคพลังประชารัฐ ที่มีความพร้อมทุกด้านบวกกับแรงหนุนดี และพรรคภูมิใจไทยที่กระแสก็มาแรงไม่น้อยเช่นกัน
ครั้งนี้อนุรักษ์สวมเสื้อพรรคเพื่อไทยลงสนามเลือกตั้งเขต 1 เช่นเดิม ส่วนบุญฐินก็ลงสมัครในเขตเลือกตั้งที่ 2 ไม่เปลี่ยนแปลง
พื้นที่การแข่งขันซึ่งน่าจับตาคือเขตเลือกตั้งที่ 1 อ.เมืองมุกดาหาร (เฉพาะ ต.มุกดาหาร ศรีบุญเรือง คำอาฮวน ดงเย็น บางทรายใหญ่ บ้านโคก คำป่าหลายกุดแข้ นาสีนวน และโพนทราย) อ.ดอนตาล และ อ.หว้านใหญ่
ครั้งนี้อนุรักษ์ต้องพบกับ วีระพงษ์ ทองผา ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ โดยวีระพงษ์นั้นเป็นพี่ชายของ วิริยะ ทองผา อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และอดีต สว.มุกดาหาร
พื้นฐานของวีระพงษ์นั้นรับราชการเป็นผู้บริหารโรงเรียน มีชื่อเสียงในกลุ่มข้าราชการครู เป็นอดีตประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จ.มุกดาหาร
ที่สำคัญตระกูลทองผานั้นครอง อบจ.มุกดาหาร มาอย่างต่อเนื่องถึง 2 สมัย ติดต่อกันในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา แม้วิริยะจะลาจากสนามท้องถิ่นในตำแหน่งนายก อบจ. ไปลงสนามระดับชาติในการเลือกตั้ง สว. แต่ มลัยรัก ทองผา ภรรยาของวิริยะ ก็ครองเก้าอี้แทนมาตั้งแต่ปี 2552
ฐานเสียงสำคัญของกลุ่มทองผาอยู่ในพื้นที่ 2 อำเภอติดแม่น้ำโขงรอบนอก ฐานเสียง ผลงาน และความนิยมชมชื่นที่ผ่านมา ทำให้ในการเลือกตั้งครั้งนี้กลุ่มทองผาน่าจะคุมฐานเสียงในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ทั้งผลงานคะแนนที่ได้ลงพื้นที่ ซอกซอยทุกชุมชน กลุ่มทองผาลงพื้นที่อย่างทุ่มเท มุ่งมั่น จริงจัง
การเลือกตั้งครั้งนี้จึงนับได้ว่าวีระพงษ์น่าจะเป็นผู้ท้าชิงที่มีโอกาส เรียกได้ว่าสมน้ำสมเนื้อกับแชมป์เก่าได้อย่างเหมาะสมที่สุด
ขณะเดียวกันก็ยังมี อดุลย์ ไชยสุนันท์ที่สวมเสื้อพรรคภูมิใจไทยมาเป็นตัวสอดแทรก ด้วยการชูกระแส ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชนในการพัฒนาท้องถิ่น โดยยกบุรีรัมย์โมเดลทั้งการเป็นเมืองกีฬาระดับโลกและความสำเร็จชื่อเสียงของทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ดมาเป็นจุดขาย
อดุลย์นั้นมีดีกรีเป็นอดีตนายก อบจ.มุกดาหาร ซึ่งเคยขับเคี่ยวชิงตำแหน่งนายก อบจ.กับกลุ่มตระกูลทองผามาโดยตลอด แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับวิริยะ กระทั่งล่าสุดเมื่อวิริยะอำลาสนามท้องถิ่นไปลงเลือกตั้ง สว.อดุลย์ ก็พ่ายแพ้แก่มลัยรักภรรยาของวิริยะอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามไม่อาจมองข้ามฐานเสียงของอดุลย์ไปได้ หากมองว่าการเลือกตั้งนายก อบจ.มุกดาหาร ครั้งล่าสุด ที่อดุลย์พ่ายแพ้ให้แก่มลัยรักไปเพียงแค่ไม่กี่พันคะแนน ก็อาจมีโอกาสที่คะแนนจะพลิกกลับมาได้
มองถึงรูปเกมการขับเคี่ยวในพื้นที่สนามเลือกตั้งเขต 1 มุกดาหาร ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ถือว่าอนุรักษ์ค่อนข้างจะมีคะแนนนำ ไม่เพียงจากกระแสคนเสื้อแดงและความชื่นชมต่อพรรคเพื่อไทยเป็นทุนเดิม อีกทั้งที่ผ่านมาอนุรักษ์เคยเป็นอดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองมุกดาหาร 3 สมัย ฐานเสียงจึงค่อนข้างแน่นหนาพอสมควร อีกทั้งในฐานะอดีต สส.ก็มีผลงานอยู่พอสมควร
แม้จะมีทั้งฐานเสียง ฐานมวลชน และบวกกับความนิยมของพรรคอย่างเหนียวแน่นเพียงใด พรรคเพื่อไทยก็ไม่อาจประมาทคู่ต่อสู้อย่างพรรคพลังประชารัฐไปได้ โดยเฉพาะเมื่อคู่ชิงชัยในครั้งนี้คือวีระพงษ์ ซึ่งเสมือนเป็นตัวแทนของตระกูลทองผาก้าวลงสู่สนามการเมืองระดับชาติ การระดมสรรพกำลังของตระกูลทองผาเพื่อชิงชัยในครั้งนี้ จึงต้องเรียกว่ามีความพร้อมขั้นสูงสุดเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นหลายต่อหลายครั้งในอดีตที่ผ่านมา ก็เคยมีกรณีผู้สมัครจากบางพรรคบางกลุ่มลงสมัครตัดคะแนนเสียงกันเอง ทำให้ต้องพบกับความปราชัย
ดังนั้น ในการเลือกตั้งครั้งนี้ หากแต่ละพรรคแต่ละฝ่ายไม่สามารถจัดการบริหารฐานคะแนนเสียง ฐานมวลชนที่สนับสนุนให้ดี ก็อาจกลายเป็นช่องว่าง เป็นจุดโหว่ที่ผู้สมัครจะมาตัดฐานเสียงกันเองได้ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้นอกจากตัวเต็งที่ได้กล่าวถึงมาแล้ว ก็ยังมีผู้สมัครจากอีกหลายพรรค ซึ่งชื่อเสียงดีกรีในท้องถิ่นก็ไม่แพ้กันสักเท่าไร
ที่สำคัญการเลือกตั้งครั้งนี้ กล่าวได้ว่ามีผู้สมัครมาให้ประชาชนผู้มีสิทธิได้เลือกมากที่สุดครั้งหนึ่ง ซึ่งทำให้การแข่งขันในศึกเลือกตั้งครั้งนี้น่าจับตาอย่างยิ่ง


