posttoday

สมหวัง โตรักตระกูล ‘ผมคือ Marketer’

03 กุมภาพันธ์ 2562

เจ้าแห่งตลาดบัตรเครดิตของไทยในขณะนี้ ไม่มีใครมาแรงแซงกรุงศรี คอนซูมเมอร์

โดย ชลลดา อิงศรีสว่าง 

เจ้าแห่งตลาดบัตรเครดิตของไทยในขณะนี้ ไม่มีใครมาแรงแซงกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยาไปได้ ซึ่งหนึ่งในบริษัทลูกของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ คือ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ สมหวัง โตรักตระกูล มีบัตรเครดิตในการดูแลถึง 10 หน้าบัตร และ 3 สินเชื่อ มีฐานลูกค้าที่ถือบัตรเครดิตรวมกันมากกว่า 3 ล้านใบ

สมหวัง โตรักตระกูล รับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัตรกรุงศรี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2560 ตำแหน่งสุดท้ายก่อนย้ายมาดูแลบัตรเครดิตเต็มตัวคือผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานวางแผนการตลาดองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

งานใหญ่งานแรกของเขาคือการประกาศ ปรับภาพลักษณ์แบรนด์บัตรเครดิตกรุงศรีใหม่ให้เป็นบัตร “ที่สุด...ทุกสิ่ง” เพื่อดึงดูดลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 20 ปีขึ้นไปจากปัจจุบันผู้ถือบัตรกรุงศรีอายุ 45 ปี ตามสัดส่วนผู้ถือบัตรเจนวายมีเพียง 20% โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนเจนวายเป็น 25-30% ซึ่งทำให้ค่าเฉลี่ยอายุผู้ถือบัตรลดลงเหลือ 38 ปี ภายในปี 2562

สมหวัง กล่าวว่า เกือบ 6 เดือนหลังจากประกาศรีแบรนด์บัตรเครดิตมีผลตอบรับดีเกินคาด ในปี 2561 สามารถเพิ่มบัตรเครดิตได้เกือบ 3 แสนใบ สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโต 25% เป็นลูกค้าใหม่ค่อนข้างเยอะจากเดิมมีลูกค้าใหม่เข้าเดือนละ 2 หมื่นกว่าบัตร ก็เพิ่มเป็น 3 หมื่นกว่าบัตร ถือว่าลูกค้าตอบรับดีมาก

“เดิมเราไม่เคยสื่อสารออกไปเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของบัตรว่าใช้บัตรของเราแล้วได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง เราพูดถึงแต่การใช้งาน และมีแต่แคมเปญอย่างเดียว แต่หลังจากที่เราปรับวิธีการสื่อสารกับลูกค้าให้ข้อมูลเรื่องนี้ออกไป ลูกค้ามีความเข้าใจมากขึ้น อย่างตัวล่าสุด คือ บัตรเครดิตกรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ซิกเนเจอร์ (KSE) ที่มีการพูดถึงข้อดีของบัตรว่าดีอย่างไร สะสมแต้มเพื่อแลกอะไร สะสมครบเท่าไรแลกตั๋วเครื่องบินได้ เป็นต้น” สมหวัง กล่าว

สมหวัง โตรักตระกูล ‘ผมคือ Marketer’

นอกจากนั้น กลุ่มลูกค้าเจนวายก็มีมากขึ้นอย่างชัดเจน เพิ่มจาก 20% มาเป็น 35% ลูกค้ากลุ่มนี้ แม้จะมีกำลังซื้อยังไม่มาก เราไม่ได้มีการสนับสนุนการใช้งานบัตรมากนักแต่เป็นการสร้างลูกค้าเพื่ออนาคต เราได้โฟกัสกลุ่มนี้ไปในเรื่องของการใช้เงินอย่างถูกต้อง ซึ่งเราโปรโมทโครงการฉลาดคิด ฉลาดใช้ขึ้นมา เป็นซีเอสอาร์ของบริษัทสร้างวินัยการเงินให้กับลูกค้ากลุ่มนี้

กลุ่มลูกค้าที่เหนียวแน่นของบัตรกรุงศรีอย่างกลุ่มซิกเนเจอร์ ซึ่งเป็นลูกค้าที่มีเงินฝากขั้นต่ำ 5 ล้านบาทของธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นกลุ่มที่มีอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป และเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ก็ยังมีการขยายตัวเพิ่ม กลุ่มนี้สนใจบัตรเครดิต สยาม ทาคาชิมายะ บัตรนี้เปิดตัวแค่ 2 เดือน มีลูกค้าถือบัตรแล้ว 4 หมื่นกว่าใบ

“นี่เป็นบัตรเครดิตที่ฮิตสุดของเราในตอนนี้ มีผู้ใหญ่หลายคนโทรมาขอเป็นสมาชิกบัตรนี้ เป็นบัตรใบแรกที่มีไฮโซโทรมาขอถือบัตร ยอดการใช้จ่ายค่อนข้างดี แต่เราจะต้องไปผลักดันการใช้บัตรเครดิตในห้างและนอกห้างให้มีสัดส่วนการใช้จ่ายพอๆ กัน จากขณะนี้มีการใช้บัตรในห้าง 70% และใช้นอกห้าง 30% ก็จะขยับให้เป็น 50-50 ซึ่งจะต้องสื่อสารกับลูกค้าว่าเราให้สิทธิประโยชน์ใช้จ่ายนอกห้างเยอะมากขนาดไหน และในห้างก็ให้มากกว่าบัตรอื่นจริงๆ ทั้งคะแนนและอื่นๆ” สมหวัง กล่าว

หลังจากผลงานเกินเป้าหมายไปแล้ว เขาก็เห็นว่ายังต้องพยายามทำต่อไปโดยในครึ่งแรกของปีนี้จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ค่อนข้างตื่นเต้นออกมา และได้นำ Big Data ร่วมกับเทคโนโลยี Machine Learning และ Geolocation มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึก เพื่อช่วยนำเสนอโปรโมชั่นส่งเสริมการตลาดต่างๆ ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ลูกค้าแต่ละกลุ่ม และตรงกับความต้องการที่แท้จริง รวมถึงการสร้างสรรค์โปรโมชั่นส่งเสริมการตลาดในกลุ่มกิน ช็อป เที่ยว ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายยอดนิยมเพื่อส่งเสริมให้ลูกค้าใช้บัตรเครดิตกรุงศรี เป็นบัตรหลักในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

สมหวัง มองว่า บัตรเครดิตในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล จะเข้าไปอยู่ในโทรศัพท์มือถือ คนไม่ต้องพกบัตรเครดิตหลายๆ ใบ การใช้จ่ายผ่านการซื้อของออนไลน์ และเดินทางต่างประเทศมากขึ้น ดังนั้นแนวโน้มการทำการตลาดก็จะต้องเข้าไปตอบสนองลูกค้าในจุดนี้ ทั้งการชำระเงิน การผูกกับผู้ให้บริการออนไลน์ ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งธนาคารได้มีบริการ แชทบอท เพื่อโต้ตอบลูกค้าตลอดเวลาที่ต้องการ การให้บริการ การตลาด จะเปลี่ยนรูปแบบ อย่างเช่น จะมีการใช้ อี-คูปอง แทนการใช้คูปองลดราคาต่างๆ จะต้องทำการตลาดเเบบอินเทรนด์ ตามกระเเส สอดคล้องกับพฤติกรรมมากขึ้น

สมหวัง โตรักตระกูล ‘ผมคือ Marketer’

หากมองย้อนกลับไปในอดีต เมื่อตอนที่เข้ามาทำงานใหม่ๆ เขาบอกว่า สภาพการทำการตลาดบัตรเครดิตเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ง่ายมาก ช่วงที่เริ่มทำงานมาบุกเบิกบัตรเทสโก้ โลตัสตอนนั้นให้คูปองลดราคา ให้แคชแบ็กใช้เท่าไรคืนเท่านั้นก็จบ แต่ปัจจุบันต้องคิดให้ลึกมากขึ้น ซับซ้อนมากขึ้น

“เมื่อก่อนผมเดินห้าง ชอบเดินช็อปปิ้ง เดินดูนั่นดูนี่ ไปต่างประเทศเดินได้ทั้งวัน ผมก็เดินดูว่าตอนนี้อะไรฮิต เราเป็นที่สุดทุกสิ่งเราก็ต้องอินเทรนด์ หาจุดลิงก์เกจ เดี๋ยวนี้ช็อปออนไลน์ มันสะดวกมาก พฤติกรรมผู้บริโภคเป็นหน้าที่ของเราต้องไปผูกไปทำอะไรกับเว็บต่างๆ ที่เป็นออนไลน์มากขึ้น” สมหวัง กล่าว

สมหวัง มองว่า ตัวเขาเป็น Marketer ที่บังเอิญมาเป็น Banker จะเห็นว่าขณะนี้ธนาคารพยายามดึงคนจากฝั่งที่ทำคอนซูเมอร์ อย่างพีแอนด์จี ลีเวอร์ฯ มาเป็นร่วมงานด้วยเพื่อที่จะผสมกับคนที่ทำงานธนาคารอย่างเดียว ให้มีสีสันในงานในผลิตภัณฑ์ ซึ่งนักการตลาดช่วยงานธนาคารได้ดีในเรื่องของแบรนด์ดิ้ง เดี๋ยวนี้ธนาคารมีสีสัน สร้างความใหม่ไม่ใช่แค่โฆษณาและแค่แคมเปญเท่านั้น

“ผมชอบงานด้านมาร์เก็ตติ้ง สมัยก่อนอยู่ทำงานคอร์ปอเรตมาร์เก็ตติ้งก็ชอบ แต่ผมชอบตรงนี้มากกว่า มีเคพีไอชัดเจน ถ้าไม่ได้ตายแน่ ชอบความท้าทายทำให้เราคิดมากขึ้น วอลลุ่มไม่ถึงจะเครียดมาก ต่างจากการทำมาร์เก็ตติ้งให้แบงก์ แบรนด์ดิ้งภาพออกมาเคพีไอก็อาจจะไม่ชัดมาก เพราะทุกคนทุกแผนกในธนาคารต้องเข้ามาสนับสนุน แต่เราอยู่ตรงนี้ เราบริหารเรารับผิดชอบทุกอย่างได้ไม่ได้เห็นกันทันที ซึ่งต้องขอบคุณที่มีทีมงานที่ดี ทำให้ทำงานสนุกและเป็นไปตามเป้าหมาย” สมหวัง กล่าว

ข่าวล่าสุด

หลีกหนีความวุ่นวาย ฉลองปีใหม่สุดหรูบนเกาะส่วนตัวที่ นาคา ไอแลนด์