posttoday

วันสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

13 มกราคม 2562

กรมศิลปากรจัดพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ

โดย สมาน สุดโต 

กรมศิลปากรจัดพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2562 ณ พระบวรราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ โรงละครแห่งชาติ โดยมี อนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในพิธี ซึ่งมีข้าราชการกรมศิลปากรทั้งอดีตและปัจจุบันเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

หลังจากพิธีบวงสรวงโดยพราหมณ์ ข้าราชการที่ร่วมงานโปรยข้าวตอกดอกไม้ และมีการรำถวายมือและฟ้อนรำแคน โดยศิลปินกรมศิลปากร จนกระทั่ง 10.00 น. พระสงฆ์นำโดย พระธรรมปัญญาบดี อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุ เจริญพระพุทธมนต์ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์

สำหรับสื่อมวลชนได้ไปให้ความสนใจกับการเยี่ยมชมพระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งเปิดเป็นกรณีพิเศษ

วันสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

ข้อมูลประชาสัมพันธ์ บอกว่า พระที่นั่งนี้เดิมเรียกว่า พระที่นั่งวังจันทร์ ตามนามของพระราชวังซึ่งเป็นที่ประทับของพระมหาอุปราชสมัยอยุธยา พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้หลวงชาติเสนี (ทัด) สร้างเป็นพระราชมนเทียรที่ประทับในเขตพระราชฐานชั้นใน ทางทิศเหนือของพระบวรราชวังในบริเวณที่ตั้งเก๋งจีน ที่ประทับเดิมเมื่อราวปี 2394-2398

การแต่งตั้งเครื่องเรือนและเครื่องประดับภายในพระที่นั่ง รวมถึงลักษณะการอยู่อาศัยแบบตะวันตก เมื่อมีฝรั่งต่างประเทศเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีก็โปรดต้อนรับและเลี้ยงรับรองที่พระที่นั่งแห่งนี้ ซึ่งพระองค์ทรงเรียกว่า ตำหนักอังกฤษของพระองค์

เมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว สวรรคตในปี 2408 ชื่อพระที่นั่งก็เปลี่ยนไป ซึ่งสันนิษฐานว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้เปลี่ยนเป็น พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ ตามที่เคยทรงกรมว่า กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จประทับที่พระที่นั่งองค์นี้ตลอดมาจนสวรรคต

วันสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

ตามผังพระที่นั่งนั้น มี 2 ชั้น ชั้นที่ 2 นั้นแบ่งเป็น 5 ห้อง คือ 1.ห้องสมุดและห้องทรงพระอักษร 2.ห้องรับแขก 3.ห้องเสวย (ห้องพระอัฐิ) 4.ห้องพระบรรทม 5.ห้องแต่งพระองค์และห้องสรง ส่วนผังชั้นล่างเป็นห้องแสดงพระราชกรณียกิจ เช่น สร้างเรือยงยศอโยชฌิยา เครื่องระนาดเหล็กที่ดัดแปลงจากนาฬิกาฝรั่ง

พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระนามเดิมว่า สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี หรือเรียกกันว่าเจ้าฟ้าน้อย พระราชสมภพวันที่ 4 ก.ย. 2351 ณ พระราชวังเดิม ทรงเป็นพระราชโอรสในกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ที่พระมหาอุปราช (ต่อมาคือ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 โดยมีสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี (พระนามเดิม เจ้าฟ้าบุญรอด) เป็นพระมารดา มีพระเชษฐาร่วมพระราชมารดา 2 พระองค์ คือ สมเด็จเจ้าฟ้าชาย สิ้นพระชนม์แต่พระเยาว์ และสมเด็จเจ้าฟ้ามงกุฎ หรือที่เรียกว่า สมเด็จเจ้าฟ้าใหญ่

ขณะที่มีพระชนมายุ 1 พรรษา เสด็จประทับในพระบรมมหาราชวัง เมื่อพระราชบิดาเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ เมื่อปี 2352 ถึงพระชนมายุ 16 พรรษา เสด็จมาประทับ ณ พระราชวังเดิม (ที่ประสูติ) หลังจากกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ขึ้นครองราชสมบัติ เป็นรัชกาลที่ 3

วันสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

ทรงศึกษาภาษาไทยกับสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ขุน) ที่วัดโมลีโลกยาราม และทรงศึกษาภาษาอังกฤษ จาก โรเบิร์ต ฮันเตอร์ พ่อค้าชาวอังกฤษ ต่อมาทรงศึกษาภาษาอังกฤษและวิชาการตะวันตก เช่น วิทยาศาสตร์ เครื่องจักรกลการต่อเรือ และการพิมพ์จากมิชชันนารี เช่น หมอบรัดเลย์ หมอเจซซี แคสเวลส์ หมอแซมมวลเรโนลส์ เฮาส์ และชานด์เลอร์

วันที่ 2 เม.ย. 2394 รัชกาลที่ 3 เสด็จสวรรคต เจ้าฟ้ามงกุฎเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 4 ในวันที่ 15 พ.ค. 2394 จากนั้นวันที่ 24 พ.ค. 2394 ทรงโปรดเกล้าฯ บวรราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ให้ดำรงพระอิสริยยศเสมอด้วยพระเจ้าแผ่นดิน เป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่ 2 (The Second King) มีพระนามว่า สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

จึงเสด็จจากพระราชวังเดิมมาประทับที่พระราชบวรราชวัง ซึ่งขณะนั้นมีสภาพทรุดโทรมจนเป็นวังร้าง หลังจากสร้างมา 20 ปี จึงทรงปฏิสังขรณ์และสร้างพระที่นั่งและสถานที่ภายในพระราชวังขึ้นเป็นอันมาก รวมทั้งพระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ ที่ทรงสร้างแบบฝรั่ง เป็นที่ประทับสุดท้าย จนถึงวันที่ 7 ม.ค. 2408 สวรรคต ทรงดำรงในราชสมบัติ 15 ปี

วันสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

ในการนี้ทรงมีพระราชโอรสพระราชธิดารวม 58 พระองค์ ในจำนวนนั้นทรงตั้งพระนามพระราชโอรสองค์หนึ่งที่ประสูติจากเจ้าจอมมารดาเอมว่า จอร์จวอชิงตัน ตามนามประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา หรือพระองค์เจ้ายอดยิ่งประยูรยศบวรราโชรสรัตนราชกุมาร ต่อมาทรงได้รับการสถาปนาเป็นกรมพระราชบวรวิไชยชาญ พระมหาอุปราชในสมัยรัชกาลที่ 5 พระราชโอรสที่เป็นต้นราชสกุล 11 สกุล ได้แก่ สุธารส วรรัตน์ ภาณุมาส หัสดินทร นวรัตน์ ยุคนธรานนท์ โตษะณีย์ นันทวัน พรหมเมศ จรูญโรจน์ และสายสนั่น

นอกจากนั้น ทรงมีพระราชนัดดาที่เป็นต้นราชสกุลอีก 9 สกุล ได้แก่ วิลัยวงศ์ กาญจนวิชัย กัลป์ยาณวงศ์ สุทัศนีย์ วรวุฒิรุจจวิชัย วิบูลยพรรณ รัชนี และวิสุทธิ์(ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ พระบวรราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระปวเรนทราเมศมหิศเรศรังสรรค์ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ 7 ม.ค. 2562)

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา