แบร์นาร์โด แบร์โตลุคชี ผู้กำกับโลกไม่ลืม
หนึ่งในผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่ในยุคสมัยของเขา แบร์นาร์โด แบร์โตลุคชี
โดย ปณิฏา
หนึ่งในผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่ในยุคสมัยของเขา แบร์นาร์โด แบร์โตลุคชี แม้จะลาจากโลกไปในวัย 77 ปี ทว่าเขาย่อมเป็นผู้กำกับที่โลกไม่ลืม ด้วยหลากหลายผลงานซึ่งเป็นลายเซ็นในโลกภาพยนตร์
คนทั่วโลกอาจจดจำเขาได้แม่นยำ กับผลงาน Last Tango in Paris (1972) อันเป็นที่ชื่นชอบและรังเกียจในเวลาเดียวกัน ที่แน่ๆ เป็นหนังที่น่าตื่นตะลึง เป็นที่พูดถึง โดยเฉพาะคำวิจารณ์ทั้งแง่บวกแง่ลบ เมื่อตอนที่หนังออกฉาย
เรื่องราวของ พอล (มาร์ลอน แบรนโด) ชายวัยกลางคนที่เพิ่งเสียภรรยา และมาเช่าอพาร์ตเมนต์ร่วมกับสาวฝรั่งเศส ชานน์(มาเรีย ชไนเดอร์) ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง หากตกลงกันว่าจะไม่บอกชื่อเสียงเรียงนามกันและกัน ให้อพาร์ตเมนต์นี้เป็นที่เร้นลับแห่งความสัมพันธ์ของทั้งสอง
หนังเรตติ้ง NC-17 เรื่องนี้ไม่ได้มีแต่เรื่องความฉาว แบร์นาร์โด ต้องการสะท้อนมุมหนึ่งของสังคม ที่คนเราอาศัยเรื่องเพศมาหลีกหนีความเป็นตัวตน อาศัยเซ็กซ์ปลดเปลื้องทุกข์ไปชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งสรุปได้ว่าไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืน
ขณะที่ในเมืองไทย The Last Emperor (1987) ภาพยนตร์ที่กวาด 9 รางวัลออสการ์ ที่เนื้อหามีความใกล้ชิดกับเราๆ มากกว่า น่าจะครองใจใครหลายๆ คน โดยเฉพาะฉากตอนต้นเรื่อง ที่จักรพรรดิองค์สุดท้ายในวัยเยาว์ แหวกม่านออกมาอย่างไม่รู้ความ ท่ามกลางข้าราชบริพารในฉากพระราชวังต้องห้ามสุดอลังการ แม้ว่าจะเป็นฉากที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ แต่ผลงานของผู้กำกับเชื้อสายอิตาเลียนก็ทำให้เราปักใจเชื่อว่ามันจริงเสียยิ่งกว่าจริง
ในท่ามกลางผลงานอันหลากหลายของ แบร์นาร์โด แบร์โตลุคชี ที่ส่วนใหญ่มักจะออกมาแบบไม่ธรรมดา โดยเฉพาะเรื่องของเนื้อหาที่มักจะกลายเป็นข้อพิพาท หรือเป็นประเด็นที่ต้องมาวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่เสมอ
สิ่งที่ แบร์นาร์โด จะต้องมีอยู่ในภาพยนตร์อันเป็นลายเซ็นของเขาก็คือ ความงดงามของภาพและองค์ประกอบภาพ ที่มีตากล้องคู่ใจคือ วิตโตโร สโตราโร นอกจากนี้ยังต้องมีสาวสวย ประเด็นเรื่องความรัก เซ็กซ์ แล้วก็เรื่องการเมือง -- อาจจะมีเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หลายๆ เรื่อง หรือใส่เอาไว้ทุกๆ เรื่องในหนังเรื่องเดียว ขณะที่กลิ่นอายแบบย้อนยุค หวนรำลึกถึงอดีต ก็พบได้บ่อยๆ
ภาพยนตร์ยี่ห้อ แบร์นาโด แบร์โตลุคชี มีสไตล์ มีลายเซ็น ทั้งการเล่าเรื่อง มุมมองภาพถ่ายและองค์ประกอบภาพสวยๆ ไม่แพ้ผลงานของผู้กำกับดังๆ คนไหนๆ ทว่าเนื้อหาสาระเป็นสิ่งที่เขาต้องการเล่านั้นสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง
ตลอดชีวิตของ แบร์นาร์โด แบร์โตลุคชี ไม่เคยปฏิเสธว่าเขาหมกมุ่นมากกับประเด็นการเมือง และยอมรับว่าตัวเองนิยมลัทธิมาร์กซิสต์ ทว่าในหนังของเขามักจะนำเอาเรื่องราวของความรักและสตรีขึ้นมาเป็นตัวนำ ในการเล่าเรื่องความเชื่อทางการเมืองที่ดูเป็นเรื่องน่าเบื่อและอาจยากที่จะเข้าใจ
อย่างในเรื่อง The Conformist (1970) ที่สร้างจากนิยายชื่อเดียวกันของ อัลแบร์โตโมราเวีย ตัวเอก มาร์เชลโล เคลริชี (ชอง-ลุยส์ ตรินตินญันต์) วางแผนสังหารอดีตอาจารย์ของตัวเองที่ลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ปารีส ด้วยการแต่งงานแล้วหาเรื่องไปฮันนีมูนที่ปารีส เพื่อที่จะออกไปฆ่าได้ตามแผน
ทุกอย่างที่เราเห็นเบื้องหน้าในชีวิตของ มาร์เชลโลดูงดงามไปหมด เขาโตมาจากครอบครัวมีอันจะกิน กำลังจะแต่งงานกับลูกคุณหนูไฮโซ ทว่าเมื่อย้อนเล่าไปยังเบื้องหลังในชีวิต รวมทั้งแผนการในความคิดที่กำลังจะไปฆ่าศาสตราจารย์ผู้ต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์นั้นก็เป็นคนละเรื่องเดียวกัน
The Conformist สะท้อนความเป็นมนุษย์ ที่รู้ผิดชอบชั่วดี อยู่ที่ทางเลือกว่าจะเดินไปทางใด เป็นหนึ่งในผลงานคลาสสิกของแบร์นาร์โด ที่ไม่น่าพลาดชม เรียกว่ามีสาระที่แสดงความเป็นตัวเขาแบบครบทุกรสจริงๆ
1900 (1976) หรือ Novecento เป็นอีกเรื่องที่แบร์นาร์โด หยิบเอาประเด็นการเมืองมาใส่ไว้ในหนังของเขา เรื่องราวคนหนุ่มที่เกิดในวันเดียวกันอย่าง อัลเฟรโด แบร์ลินกิเอรี (โรเบิร์ต เดอ นีโร) กับ โอลโม ดัลโช(เชรารด์ เดอปาร์ดิเยอ) คนหนึ่งเป็นลูกเจ้าของที่ดิน อีกคนเป็นลูกคนงาน
นอกจากสถานะทางสังคมที่แตกต่าง สองคนยังเติบโตมาในบ้านที่มีแนวคิดทางการเมืองคนละขั้ว และเมื่อสังคมรอบๆ ตัวในอิตาลีค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป จากสงครามโลกครั้งที่ 1 คืบคลานสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ความสัมพันธ์ของสองหนุ่มที่เติบโตขึ้นมาแบบสุดของแต่ละขั้ว สะท้อนเหตุการณ์บ้านเมืองจริงๆ ในอิตาลีออกมาได้อย่างงดงาม
สำหรับ The Dreamers (2003) หนังอีกเรื่องของเขาที่ติดเรต NC-17 ก็ดูจะเป็นความครบรสในแง่เนื้อหาที่แสดงความเป็นตัวตนของ แบร์นาโด แบร์โตลุคชี เรื่องราวของ แมตทิว (ไมเคิล พิตต์) นักเรียนแลกเปลี่ยนชาวอเมริกัน ที่มาเจอกับสองพี่น้องแฝดชาย-หญิงชาวฝรั่งเศส เตโอ (ลุยส์ การ์เรล) และอิซาแบล (เอวากรีน)
ความรักและเซ็กซ์ รวมทั้งกลิ่นอายการเมือง อารมณ์ย้อนอดีต การเดินขบวนของนักศึกษากลางกรุงปารีส ในปี 1968 เป็นฉากตอนของเรื่องนี้
The Dreamers สะท้อนความระอุของเลือดวัยรุ่น ที่ร้อนแรงทั้งความคิดทางการเมือง และเรื่องของความรัก กว่าจะก้าวข้ามสู่ความเป็นผู้ใหญ่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ


