posttoday

วัดโพธิ์ เป็นวัดกษัตริย์สร้าง ไม่โรยร้างรุ่งเรือง ดังเมืองสวรรค์

18 พฤศจิกายน 2561

วัดโพธิ์ หรือวัดพระเชตุพนฯ งามแค่ไหนไม่ต้องคิดมาก

โดย สมาน สุดโต 

วัดโพธิ์ หรือวัดพระเชตุพนฯ งามแค่ไหนไม่ต้องคิดมาก เพราะเว็บไซต์ทริปแอดไวเซอร์ เว็บไซต์ท่องเที่ยวชั้นนำของโลก จัดให้วัดโพธิ์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของโลก ประจำปี 2561 จากการโหวตของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยขยับจากอันดับที่ 24 มาอยู่อันดับที่ 17 ส่วนในเอเชียก็เป็นรองจากนครวัดในกัมพูชา แต่เหนือกว่ากำแพงเมืองจีน ดังที่บทโคลงที่พรรณนาว่า วัดโพธิ์เป็นวัดกษัตริย์สร้าง ไม่โรยร้างรุ่งเรืองดังเมืองสวรรค์

ผมไปงานสมโภช 230 ปี วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ในวันที่ 11 พ.ย. 2561 ซึ่งเป็นวันปิดงาน แต่มีโอกาสกราบ พระราชปริยัติมุนี (เทียบ สิริญาโณ ป.ธ.9 Ph.D.) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ที่มีชื่อเสียงในวงการว่า เจ้าคุณโอบามา หลังจากเป็นไกด์นำประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา บารัก โอบามา และรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ฮิลลารีไดแอน ร็อดแดม คลินตัน ชมความงามของวัดพระเชตุพนฯ (18 พ.ย. 2555) จนเป็นที่เลื่องลือว่าท่านเจ้าคุณเก่งภาษาอังกฤษ สามารถเล่าเรื่องต่างๆ ให้ผู้นำโลกอย่างประธานาธิบดีเข้าใจโดยไม่ต้องผ่านล่าม

ขอแทรกตรงนี้ ท่านเจ้าคุณเล่าให้ฟังว่า แท้จริงแล้ว กระทรวงการต่างประเทศ หรือสถานทูตสหรัฐ (ไม่แน่ใจ) ส่งล่ามมา 1 คน แต่ล่ามนั้นเมื่อฟังท่านเจ้าคุณสนทนาและเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฮิลลารีฟังก่อนที่ประธานาธิบดี บารัก โอบามา จะมาครึ่งชั่วโมง ล่ามคนนี้บอกกับท่านเจ้าคุณว่า ล่ามไม่ต้องช่วยแล้ว ท่านเจ้าคุณทำได้เยี่ยม จึงเป็นที่มาที่ท่านเจ้าคุณฉายเดี่ยวกับประธานาธิบดีสหรัฐทุกจุดที่จัดให้ชม

ความสามารถด้านภาษา ได้มาจากความมุมานะที่จะเอาชนะ หลังจากถูกครูสอนภาษาอังกฤษสาวรุ่นน้องชาวอินเดีย ดูหมิ่นว่าด้อยความสามารถ เมื่อไปเรียนระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยปูเน อินเดีย จากความมุ่งมั่นครั้งนั้น จึงมีวันนี้ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งคณบดีคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) อีกตำแหน่งหนึ่ง

ทุกวันนี้ ผู้นำหลายประเทศในโลก เมื่อจะเยือนวัดโพธิ์ ก็ต้องขอให้ท่านเจ้าคุณช่วยเป็นไกด์ เพราะเขาต้องการบรรยากาศว่าเที่ยววัดแล้ว ต้องมีพระสงฆ์นำด้วย บางครั้งก็มีคณะสงฆ์เข้าร่วมด้วยหลายรูป ทำให้ป้ายนิทรรศการเต็มไปด้วยภาพท่านเจ้าคุณกับผู้นำทั่วโลก มิใช่ว่าท่านต้องการเป็นวันแมนโชว์ก็หาไม่

พระราชปริยัติมุนี เล่าว่า ในช่วงงานสมโภชพระอาราม 10 วันนั้น ท่านอยู่กับงานตลอด ทั้งให้คำปรึกษาและนำชมตามที่กลุ่มนักเรียนนักศึกษา หรือประชาชนต้องการ รวมถึงวันวันสุดท้ายของงาน ที่ผมบังเอิญพบท่านกำลังนำนักศึกษา ประชาชนกลุ่มหนึ่งชมวิหารพระพุทธไสยาสน์ และไฮไลต์อื่นๆ จึงขอไปสมทบ ท่านก็เมตตาเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังตลอดถึงที่มาที่ไปของงานสมโภช 230 ปี ที่จบไปแล้ว

โดยท่านบอกว่า ตลอดเวลา 10 วัน คนชมงานแต่ละวันนับว่ามากกว่าทุกครั้งที่เคยจัดมา เพราะในงานมีความหลากหลายผสมผสานของเก่ากับของใหม่ ทำให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้อดีต และต้องการให้นิทรรศการต่างๆ เพื่อการสมโภชพระอารามยังคงอยู่ถึงสิ้นปี เพราะมีประโยชน์ต่อทุกคน ทั้งนี้เพราะมีคำบรรยาย 2 ภาษา จึงไม่จำเป็นต้องมีไกด์ก็ได้ แต่ก็ขึ้นกับนโยบายของวัดจะยืดเวลาต่อหรือทำอย่างใดอย่างหนึ่ง

เมื่อถามว่า ทำไมจึงคิดฉลอง 230 ปีขึ้นมา พระราชปริยัติมุนี ซึ่งเป็นประธานการประชาสัมพันธ์ของวัด เล่าว่า จัดฉลองเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่อดีตพระมหากษัตริย์ที่สร้างวัดโพธิ์ จนเป็นที่รู้จักของชาวโลกและผู้นำโลก

และอุทิศกุศลแก่อดีตเจ้าอาวาส ที่มีคุณูปการต่อวัดทุกยุคทุกสมัย ทั้งการบูรณปฏิสังขรณ์ และการจัดเก็บค่าผ่านประตูจากนักท่องเที่ยว เพื่อนำมาเป็นรายได้สมทบมูลนิธิเพื่อบำรุงพระอาราม และกิจการสาธารณกุศลอื่นๆ

ถามว่า วัดเคยจัดงานใหญ่เพื่อฉลองมาก่อนไหม ท่านเจ้าคุณกล่าวว่า เคยจัดเมื่อครบ 200 ปี จากนั้นก็คิดฉลอง เมื่อครบ 220 ปี แต่ก็ไม่ได้ทำ จนกระทั่งเมื่อถึง 230 ปี จึงตกลงจัดขึ้น หลังจากว่างเว้นมานาน

รูปแบบจัดงาน เหมือนคืน(กำไร)ให้กับสังคม เช่น แจกฟรีหนังสือ 2 ภาษา ที่พิมพ์เพื่อเป็นที่ระลึก ได้แก่ หนังสือสมโภชพระอาราม 230 ปี สมุดภาพนิทรรศการ 230 ปี และรวบรวมภาพรามเกียรติ์ (ปกแข็งหนาหลายร้อยหน้า) แต่ละเล่มงามด้วยภาพหายาก เพิ่มเนื้อหาสาระจากบทความของนักเขียนสารคดีจากสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร เช่น อาจารย์กิ่งแก้ว วีระประจักษ์ และอรวรรณ ทรัพย์พลอย เป็นต้น

การแจกหนังสือก็ให้ประชาชนได้ทั้งบุญได้ทั้งหนังสือไปอ่าน และได้รับความบันเทิงไปด้วย แต่ที่ขาดไปและต้องการให้มี คือ โรงทาน เพื่อบริการประชาชนที่มาเที่ยวงานสมโภช จะได้อิ่มทั้งบุญอิ่มทั้งท้อง

งานสมโภช 230 ปี เป็นเวลา 10 วัน นับแต่วันที่ 1-10 พ.ย. 2561 จบลงแล้ว แต่ความประทับใจยังอยู่มิรู้ลืม เนื่องจากเป็นทัศนานุตริยะ

งานวัดในอดีต

ส่วนร่องรอยการจัดงานประจำปีของวัดโพธิ์นั้น ในอดีตเคยจัดโดยตั้งชื่อไว้เสียหรูหราว่า “งานนักขัตฤกษ์นมัสการพระพุทธไสยาสน์วัดพระเชตุพนฯ” แต่คนทั่วๆ ไป คงเรียกกันว่างานประจำปีวัดโพธิ์อยู่นั่นเอง

งานนักขัตฤกษ์วัดโพธิ์แต่เดิมนั้น เป็นงานไหว้พระประจำปี เปิดพระวิหารตามทิศต่างๆ ให้คนเข้านมัสการทั่วไป เป็นงานออกร้านที่สนุกสนานงานใหญ่งานหนึ่ง ในช่วงต้นเดือน เม.ย. แต่งานประเพณีนั้นหยุดไปเสียนานปี เพราะการจัดงานขาดทุน

ต่อมา พ.ศ. 2864 สมเด็จพระวันรัต (เผื่อน ติสฺสทตฺตมหาเถระ) ที่เป็นเจ้าอาวาสในช่วงนั้น ได้ดำริ ให้มีงานขึ้นอีก ชักชวนคนให้มาก่อพระเจดีย์ทรายไหว้พระนอนและเมื่อ พ.ศ. 2488 เริ่มการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระนอนเป็นการใหญ่ จึงถือเป็นงานไหว้พระนอนประจำปี และเลื่อนกำหนดงานมาจัดในเทศกาลสงกรานต์

เรื่อง “พระนอน” นี้ มีเรื่องเล่าเป็นโบราณคดีว่า

เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงสถาปนาพระอารามนี้บริเวณข้างด้านตะวันตก เพียงเขตมหาเจดีย์ศรีสรรเพชญ์เท่านั้น ต่อมาในรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดฯ ให้ขยายบริเวณออกไปทางทิศตะวันตกด้านเหนือ ที่ตรงนั้นเป็นวังของพระเจ้าน้องนางเธอพระองค์เจ้ากุ หรือที่เรียกกันว่า เจ้าครอกวัดโพธิ์

ต่อมาได้สถาปนาเป็นกรมหลวงนรินทรเทวี ซึ่งขณะนั้นพระองค์เจ้ากุสิ้นพระชนม์แล้ว คงเป็นที่ประทับของพระโอรส คือ กรมหมื่นนรินทรเทพ และกรมหมื่นนเรนทรบริรักษ์ โปรดฯให้ไปประทับวังที่สร้างใหม่ ใกล้ประตูสะพานหัน

โปรดฯ ให้สร้างพระปางพระประทับบรรทม (พระนอน) ขึ้นที่ตรงบริเวณวังนั้น เพราะพระพุทธรูปปางที่สำคัญองค์อื่นๆมีอยู่แล้ว ขาดแต่ปางบรรทมเท่านั้น

พระพุทธปฏิมากรองค์นี้สร้างด้วยก่ออิฐถือปูน แล้วลงรักปิดทองยาว 1 เส้น 3 วาสูง 15 เมตร เฉพาะพระพักตร์จากไรพระศอ (ไรผม) ถึงพระหนุ (คาง) ยาว 10 ศอก กว้าง 5 ศอก ฝีมือช่างสิบหมู่ของหลวง พระองค์เจ้าลดาวัลย์ (ต่อมาได้สถาปนาเป็นกรมหมื่นภูมินทรภักดี) ทรงกำกับการสร้าง สร้างองค์พระก่อนแล้วจึงสร้างพระวิหารในภายหลัง พระวิหารสร้างลดมุข 3 ชั้นอย่างพระอุโบสถ หลังคามุงกระเบื้องเคลือบสีขาบ พื้ในพื้นนอนและพื้นชานชาลาปูหินแดงแขวงเมืองราชบุรีเพชรบุรี

พระพุทธบาทยาว 5 เมตร โปรดฯ ให้จำหลักมุกภาพมงคล 108 ประดับที่พื้นฝ่าพระบาท เพื่อให้ถูกต้องตามตำรามหาปุริสลักษณะ ฝีมือมุกนี้งามยิ่งนัก ถ้าจะดูความงามของพระนอนองค์นี้ ต้องยืนดูทางด้านพระพุทธบาท จะมองเห็นพระเกตุจดเพดาน พระพักตร์งามจับตาจับใจ เสมือนจะตรึงผู้ดูให้ติดอยู่กับที่ พระนอนองค์ใหญ่ที่มีขนาดใกล้เคียงกับพระนอนวัดโพธิมี 2 องค์ คือ พระนอนที่วิหารเชิงเขาวังเพชรบุรีองค์หนึ่ง กับพระนอนจักรสีห์ สิงห์บุรี อีกองค์หนึ่ง แต่พระลักษณะความงามนั้นเปรียบกันไม่ได้เลย

ฉะนั้นพระนอนวัดโพธิ์หรือพระพุทธไสยาสน์วัดพระเชตุพนฯ จึงได้รับยกย่องว่าเป็นพระนอนองค์ใหญ่ที่มีความงามเป็นเอก

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68