posttoday

เปิดวิสัยทัศน์ อธิบดีกรมศุลกากรใหม่

07 ตุลาคม 2561

เปิดใจ "กฤษฎา จีนะวิจารณะ" อธิบดีกรมศุลกากรคนใหม่ กับวิสัยทัศน์ที่จะผลักดันองค์กรให้ก้าวไปสู่ "Customs 4.0"

เปิดใจ "กฤษฎา จีนะวิจารณะ" อธิบดีกรมศุลกากรคนใหม่ กับวิสัยทัศน์ที่จะผลักดันองค์กรให้ก้าวไปสู่ "Customs 4.0"

*****************************

โดย...กนกวรรณ บุญประเสริฐ

กระทรวงการคลังได้จัดแม่ทัพกรมจัดเก็บภาษีใหม่ ซึ่งในปีงบประมาณ 2562 ตั้งเป้าหมายจัดเก็บภาษี 3 กรมภาษีอยู่ที่กว่า 2.6 ล้านล้านบาท แยกเป็นเป้าจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร 1.9 ล้านล้านบาท ตามมาด้วยกรมสรรพสามิต 6.1 แสนล้านบาท และกรมศุลกากรอีก 1.1 แสนล้านบาท

แม้เป้าหมายจัดเก็บภาษีของกรมศุลกากรจะน้อยกว่ากรมอื่น เนื่องจากเป็นไปตามข้อตกลงทางการค้า ทำให้งานอีกบทบาทหนึ่งของศุลกากรมีโดดเด่นไม่น้อยกว่ากรมอื่นคือ เรื่องของปราบปรามการกระทำความผิดทางศุลกากร ควบคุมและตรวจสอบสินค้านำเข้าและส่งออก

กฤษฎา จีนะวิจารณะ ถูกมอบหมายให้เข้ามารับตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร หลังจากที่ได้เป็นอธิบดีกรมสรรพสามิตก่อนหน้านี้ 1 ปี ถือว่าเป็นผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังที่น่าจับตา เพราะก่อนหน้านี้กฤษฎาอยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ซึ่งเปรียบเหมือนหน่วยงานที่มันสมองของกระทรวงการคลังในการคิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ มากมาย

เดินหน้า Customs 4.0

สำหรับงานที่วิสัยทัศน์การบริหารงานที่กรมศุลกากรนั้น กฤษฎา มองว่างานของกรมศุลกากรคือด่านหน้าของการทำการค้า การนำเข้า และส่งออก ถือเป็นความท้าทายความสามารถ เพราะมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกประเทศค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องสงครามการค้า ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เราต้องเตรียมความพร้อมให้ดี ทั้งคนที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการของสหรัฐ จะมีใครได้ประโยชน์ หรือจะมีผลกระทบกับการค้าของเราอย่างไรบ้าง เราต้องพร้อมรับมือการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ที่ผ่านมางานกรมศุลกากรทำไปได้มากและดีแล้ว มีการวางแนวเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์5 ปี ( พ.ศ. 2560-2564) ภายใต้กรอบแนวคิด มิติใหม่กรมศุลกากร (Customs 4.0) โดยมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงานมากขึ้น เพื่อช่วยลดดุลพินิจของเจ้าหน้าที่และส่งเสริมการอำนวยความสะดวกในการส่งออกและนำเข้าด้วย

นอกจากนี้ ยังปรับปรุงกฎหมายให้เหมาะสมกับบริบททางการค้า ลดข้อพิพาททางการค้า และยังเป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบเกี่ยวกับการผลักดันการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจด้านการชำระภาษี (Ease of Doing Business : Paying Tax) โดยผลการจัดอันดับการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก ด้านการชำระภาษีที่มีอันดับดีขึ้นจากอันดับที่ 109 ในปี 2560 เป็นอันดับที่ 67 ในปี 2561 เป็นผลมาจากการยกระดับการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนด้านเวลาและค่าใช้จ่ายอย่างมีนัยสำคัญ

เปิดวิสัยทัศน์ อธิบดีกรมศุลกากรใหม่

บิ๊กดาต้าเชื่อม 3 กรมภาษี

กฤษฎา กล่าวว่า เป้าหมายการดำเนินงานของกรมศุลกากรในอนาคตจะเน้นการพัฒนาองค์กร 3 ด้าน เพื่อก้าวไปสู่การเป็น Customs 4.0 คือ การเปิดกว้างพร้อมเชื่อมโยงการทำงานกับหน่วยงานอื่นในทุกมิติแบบบูรณาการ เชื่อมโยงข้อมูลกรมภาษีเพื่อทำบิ๊กดาต้า และผลักดันพันธมิตรศุลกากรในระดับนานาชาติให้มากยิ่งขึ้น เช่น การเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบ Nation Single Window (NSW) กับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อสนับสนุนงานด้านโลจิสติกส์ของประเทศให้มีศักยภาพดีขึ้น รวมถึงการปราบปรามสินค้าหลีกเลี่ยงหนีภาษีที่จะเข้าสู่ประเทศ

ในอนาคตเตรียมเชื่อมโยงข้อมูล นำระบบที่ทำไว้ที่สรรพสามิตมาใช้ เช่น การมีศูนย์สารสนเทศที่สามารถเรียกดูข้อมูลจากด่านตรวจสินค้าซึ่งมีการติดกล้อง CCTV เพื่อตรวจสอบยันข้อมูลได้ทั้งประเทศ

นอกจากนี้ ต้องคำนึงถึงความต้องการของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นหลัก มีระบบการดูแลลูกค้าเป็นกลุ่ม ซึ่งของเดิมมีระบบที่ดีอยู่แล้วแต่ต้องทำให้ดีขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น เปิดโอกาสให้มีช่องทางการแสดงความคิดเห็นและส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าสู่ระบบภาษีให้มากขึ้น

โดยเฉพาะคนที่ทำถูกต้องจะต้องได้รับการอำนวยความสะดวก คนที่ทำดีอยู่แล้วต้องช่วยเขาอย่าไปสร้างเงื่อนไขให้เขา เพื่อมีประโยชน์อะไรบ้างอย่างจะทำให้ระบบจะเสีย ส่วนคนที่ยังมีความเสี่ยงจะต้องเร่งทำความเข้าใจให้กลับมาเป็นผู้เสียภาษีที่ดีให้ได้ เพื่อให้ระบบการค้าของบ้านเรามีความเป็นธรรมจริงๆ

ประการสุดท้าย ต้องการยกระดับให้กรมศุลกากรเป็นองค์กรที่มีสมรรถนะสูง มีหลักธรรมาภิบาล เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นต้องไม่มี วันนี้เชื่อว่าเรื่องนี้ดีขึ้นเยอะแล้วเพราะเอาเรื่องระบบมาจับ เช่น เรื่องเอกซเรย์ ส่วนเรื่องสายพานที่สนามบินมีการประมูลเครื่องไปแล้ว ส่วนที่ด่านต่างๆ ต้องทำเรื่องเครื่องอำนวยความสะดวกให้ สามารถทำงานและตรวจสอบได้ ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ช่วยให้การทำงานโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ ผลักดันให้คนกรมศุลกากรมีจิตบริการ โดยในส่วนของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ จะมีการนำบิ๊กดาต้ามาใช้ในการดำเนินงานและการให้บริการประชาชน มีการนำระบบ AI เข้ามาวิเคราะห์เพื่อลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่

ซึ่งวันนี้รู้ว่าทางกรมศุลกากรได้พัฒนาเรื่องนี้มาเยอะแล้ว อยากจะทดลองทำแซนด์บ็อกซ์ใบขนสินค้า ทำให้ใบขนออนไลน์ได้ทั่วโลก จะได้รู้ว่าเอาออกมาเท่านี้ จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกันว่าตอนเอามาเท่านี้ แล้วตอนเข้าทำไมเท่านี้ ทำไมไม่ทำแบบตรงไปตรงมา การเอาระบบมาจับเชื่อว่าจะลงทุนไม่แพง แต่ต้องหาทีมไอทีเก่งมาช่วยวางระบบ การเอาบิ๊กดาต้ามาใช้เก็บภาษี จะทำให้ภาพเปลี่ยนไปแน่นอน เช่น สินค้าตัวนี้ผมสงสัย ผมสามารถไปขอตรวจข้อมูลจากกรมสรรพากรได้เลย หรือสินค้าที่เราเก็บจากโรงงาน เมื่อเอาไปเทียบกับยอดภาษีมูลค่าเพิ่มก็ตรวจสอบได้ว่าตรงกันหรือไม่

ใช้ AI ช่วยลดทุจริตคอร์รัปชั่น

วันนี้เชื่อว่าภาพลักษณ์ของกรมศุลกากรดีขึ้นเยอะแล้ว ซึ่งการนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกันจะช่วยให้เกิดความเป็นธรรมจริงๆ ถามว่ากดดันเรื่องการแก้เรื่องคอร์รัปชั่นหรือไม่ มองว่าเป็นความท้าทายมากกว่า แต่วันนี้มีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยเราทำ สมัยก่อนเรียกว่าต้องวิ่งไล่จับ จับประตูนี้ไปออกประตูโน้นได้ เพราะเขารู้ช่องทางดีกว่าเรา

แต่วันนี้มีเครื่องมือที่ช่วยได้ เช่น ใช้ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลแล้วมั่นใจว่าเรื่องภาพลักษณ์ที่ไม่ได้ต่างๆ จะค่อยหมดไป และกรมศุลกากรจะเป็นกรมภาษีที่ให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกกรมหนึ่งในอนาคต

เปิดวิสัยทัศน์ อธิบดีกรมศุลกากรใหม่

จากนักวิชาการ สู่มือเก็บภาษี

การที่เป็นนักวิชาการทำงานอยู่ในสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. มานานเกือบ 30 ปี ถือว่าทำงานในสายวิชาการมาตลอด

กฤษฎา จีนะวิจารณะ เล่าให้ฟังว่าเริ่มเข้าทำงานที่ สศค.ครั้งแรกเมื่อปี 2533 อยู่มาจนถึงปี 2560 ตั้งแต่สมัยท่านพนัส สิมะเสถียร เป็นปลัดกระทรวงการคลัง รวมๆ แล้วได้ทำงานกับปลัดกระทรวงการคลังมากกว่า 10 คน นายแต่ละคนเก่งทุกคน สไตล์การทำงานก็ต่างๆ กัน บางท่านก็ไม่ค่อยพูด บางท่านก็ชอบซักถาม และมีคนรุ่นหลังที่เก่งๆ อย่าง ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ช่วงปี 2538-2540

ประสบการณ์ที่ประทับใจอีกช่วงคือ สมัยวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ตอนนั้นเป็นข้าราชการระดับ 7 ดูกองนโยบายการเงินพอดี ทำงานไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะทำในส่วนการแก้ปัญหาสถาบันการเงินที่ปิดกิจการไป 56 แห่ง มีท่านธารินทร์ นิมมานเหมินท์ เป็น รมว.คลัง และเป็นหัวหน้าคณะเจรจากับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ทำให้ได้เรียนรู้ต้นตอของวิกฤตสถาบันการเงิน และได้เรียนรู้เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจว่าเมื่อมีวิกฤตภาครัฐต้องเดินหน้าเสมอ เมื่อในภาวะปกติควรปล่อยให้เอกชนทำไป

ส่วนงานที่ประทับใจมากในตำแหน่งผู้อำนวยการ สศค. คือการทำโครงการบัตรสวัสดิการเพื่อผู้มีรายได้น้อย ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการรวบรวมข้อมูลผู้มีรายได้น้อยว่าเป็นใคร อยู่ที่ไหน ทำอะไร อนาคตการทำนโยบายช่วยเหลือคนจะทำให้แม่นยำมีประสิทธิภาพมากขึ้น

จนถึงวันที่ได้รับแต่งตั้งมาเป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นจังหวะชีวิต และไม่กังวลกับการเปลี่ยนจากนักวิชาการมาสู่การเป็นมือเก็บภาษี เพราะด้วยงานที่ สศค. เป็นเหมือนคือคนที่ต้องทำนโยบายภาษี ทำให้งานที่ สศค.ต้องรู้เรื่องภาษีอยู่บ้างแล้ว จึงไม่เหมือนคนที่ไม่มีพื้นมาเลย เพราะเราทำเรื่องนโยบายภาษีมาบ้างแล้ว ตอนทำนโยบายภาษีเราก็ต้องประสานงานกับ 3 กรมจัดเก็บภาษี ทำให้เรารู้เรื่องของ 3 กรมเป็นพื้นเดิมอยู่แล้ว

งานที่กรมสรรพสามิต ทำให้หลุดจากกรอบการทำงานที่วนเวียนแต่เรื่องตัวเลขแบบเดิมๆ มาเดือนแรกก็ต้องไปปีนถังน้ำมันเพื่อดูสารมาร์กเกอร์ (Marker) ซึ่งกรมสรรพสามิตจัดซื้อหรือจัดหาเพื่อใช้เติมในน้ำมันดีเซล ไปดูวิธีการส่งออกต้องแก้ยังไง มาดูว่าวอลู่มทำไมเพิ่มขึ้น พอมารู้ว่าเครื่องชั่งอีกด่านเสีย เรามี CCTV ไว้คอยติดตามสถานการณ์ทำให้เราสามารถหาเหตุผลได้

นอกจากนี้ ยังลงพื้นที่ไปดูสินค้าใหญ่ๆ ว่าเขาผลิตกันอย่างไร ทั้งโรงงานเบียร์ น้ำมัน รถยนต์ และส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปร่วมประชุมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ไปถามผู้ประกอบการเองเลยว่าต้องการให้กรมสรรพสามิตอำนวยความสะดวกด้านใดบ้าง

ขณะที่ความร่วมมือของคนสรรพสามิตก็ดี จะเก่งเรื่องปฏิบัติ แต่เรื่องวิเคราะห์ยังไม่ดี เราก็เอางานไปใส่เขาเยอะๆ วันนี้เริ่มวิเคราะห์ได้ดีแล้วว่า ที่เป็นแบบนี้เพราะอะไร สามารถเอาข้อมูล ธปท.กับสภาพัฒน์มาวิเคราะห์ร่วมกันได้ และพอใจในงานส่วนนี้มากที่สามารถกระตุ้นเรื่องการเรียนรู้ของคนที่กรมสรรพสามิตได้ มาอยู่กรมสรรพสามิตทำให้เปลี่ยนวิธีในการทำงานไปเยอะ จากเดิมที่เราเป็นคนไปกำหนดเป้าจัดเก็บภาษีให้เขา แต่พอเราต้องมาเก็บภาษีเองถึงรู้ว่าที่เป็นแบบนี้เพราะอะไร แต่ยืนยันว่าการตั้งเป้าหมายเก็บภาษีไว้สูงเป็นเรื่องดีแน่นอน

ปรัชญาในการทำงานคือการทำให้ดีที่สุด พยายามกระตุ้นให้ทุกคนเป็นคนดี เวลาที่เหลือในชีวิตข้าราชการอีก 5 ปีหลังจากนี้ จะทำทุกอย่างเพื่อทดแทนคุณแผ่นดินแม้จะเป็นคำพูดที่ดูเป็นนามธรรม แต่เชื่อว่าข้าราชการน้ำดีทั้งชีวิตอย่าง กฤษฎา จีนะวิจารณะ คนคนนี้เขาทำได้แน่ๆ