เปิดวิสัยทัศน์ อธิบดีกรมศุลกากรใหม่
กระทรวงการคลังได้จัดแม่ทัพกรมจัดเก็บภาษีใหม่ ซึ่งในปีงบประมาณ 2562
โดย กนกวรรณ บุญประเสริฐ
กระทรวงการคลังได้จัดแม่ทัพกรมจัดเก็บภาษีใหม่ ซึ่งในปีงบประมาณ 2562 ตั้งเป้าหมายจัดเก็บภาษี 3 กรมภาษีอยู่ที่กว่า 2.6 ล้านล้านบาท แยกเป็นเป้าจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร 1.9 ล้านล้านบาท ตามมาด้วยกรมสรรพสามิต 6.1 แสนล้านบาท และกรมศุลกากรอีก 1.1 แสนล้านบาท
แม้เป้าหมายจัดเก็บภาษีของกรมศุลกากรจะน้อยกว่ากรมอื่น เนื่องจากเป็นไปตามข้อตกลงทางการค้า ทำให้งานอีกบทบาทหนึ่งของศุลกากรมีโดดเด่นไม่น้อยกว่ากรมอื่นคือ เรื่องของปราบปรามการกระทำความผิดทางศุลกากร ควบคุมและตรวจสอบสินค้านำเข้าและส่งออก
กฤษฎา จีนะวิจารณะ ถูกมอบหมายให้เข้ามารับตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร หลังจากที่ได้เป็นอธิบดีกรมสรรพสามิตก่อนหน้านี้ 1 ปี ถือว่าเป็นผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังที่น่าจับตา เพราะก่อนหน้านี้กฤษฎาอยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ซึ่งเปรียบเหมือนหน่วยงานที่มันสมองของกระทรวงการคลังในการคิดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ มากมาย
เดินหน้า Custom 4.0
สำหรับงานที่วิสัยทัศน์การบริหารงานที่กรมศุลกากรนั้น กฤษฎา มองว่างานของกรมศุลกากรคือด่านหน้าของการทำการค้า การนำเข้า และส่งออก ถือเป็นความท้าทายความสามารถ เพราะมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกประเทศค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องสงครามการค้า ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เราต้องเตรียมความพร้อมให้ดี ทั้งคนที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการของสหรัฐ จะมีใครได้ประโยชน์ หรือจะมีผลกระทบกับการค้าของเราอย่างไรบ้าง เราต้องพร้อมรับมือการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ที่ผ่านมางานกรมศุลกากรทำไปได้มากและดีแล้ว มีการวางแนวเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์5 ปี ( พ.ศ. 2560-2564) ภายใต้กรอบแนวคิด มิติใหม่กรมศุลกากร (Custom 4.0) โดยมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงานมากขึ้น เพื่อช่วยลดดุลพินิจของเจ้าหน้าที่และส่งเสริมการอำนวยความสะดวกในการส่งออกและนำเข้าด้วย
นอกจากนี้ ยังปรับปรุงกฎหมายให้เหมาะสมกับบริบททางการค้า ลดข้อพิพาททางการค้า และยังเป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบเกี่ยวกับการผลักดันการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจด้านการชำระภาษี (Ease of Doing Business : Paying Tax) โดยผลการจัดอันดับการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก ด้านการชำระภาษีที่มีอันดับดีขึ้นจากอันดับที่ 109 ในปี 2560 เป็นอันดับที่ 67 ในปี 2561 เป็นผลมาจากการยกระดับการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนด้านเวลาและค่าใช้จ่ายอย่างมีนัยสำคัญ
บิ๊กดาต้าเชื่อม 3 กรมภาษี
กฤษฎา กล่าวว่า เป้าหมายการดำเนินงานของกรมศุลกากรในอนาคตจะเน้นการพัฒนาองค์กร 3 ด้าน เพื่อก้าวไปสู่การเป็น Custom 4.0 คือ การเปิดกว้างพร้อมเชื่อมโยงการทำงานกับหน่วยงานอื่นในทุกมิติแบบบูรณาการ เชื่อมโยงข้อมูลกรมภาษีเพื่อทำบิ๊กดาต้า และผลักดันพันธมิตรศุลกากรในระดับนานาชาติให้มากยิ่งขึ้น เช่น การเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบ Nation Single Window (NSW) กับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อสนับสนุนงานด้านโลจิสติกส์ของประเทศให้มีศักยภาพดีขึ้น รวมถึงการปราบปรามสินค้าหลีกเลี่ยงหนีภาษีที่จะเข้าสู่ประเทศ
ในอนาคตเตรียมเชื่อมโยงข้อมูล นำระบบที่ทำไว้ที่สรรพสามิตมาใช้ เช่น การมีศูนย์สารสนเทศที่สามารถเรียกดูข้อมูลจากด่านตรวจสินค้าซึ่งมีการติดกล้อง CCTV เพื่อตรวจสอบยันข้อมูลได้ทั้งประเทศ
นอกจากนี้ ต้องคำนึงถึงความต้องการของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นหลัก มีระบบการดูแลลูกค้าเป็นกลุ่ม ซึ่งของเดิมมีระบบที่ดีอยู่แล้วแต่ต้องทำให้ดีขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น เปิดโอกาสให้มีช่องทางการแสดงความคิดเห็นและส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าสู่ระบบภาษีให้มากขึ้น
โดยเฉพาะคนที่ทำถูกต้องจะต้องได้รับการอำนวยความสะดวก คนที่ทำดีอยู่แล้วต้องช่วยเขาอย่าไปสร้างเงื่อนไขให้เขา เพื่อมีประโยชน์อะไรบ้างอย่างจะทำให้ระบบจะเสีย ส่วนคนที่ยังมีความเสี่ยงจะต้องเร่งทำความเข้าใจให้กลับมาเป็นผู้เสียภาษีที่ดีให้ได้ เพื่อให้ระบบการค้าของบ้านเรามีความเป็นธรรมจริงๆ
ประการสุดท้าย ต้องการยกระดับให้กรมศุลกากรเป็นองค์กรที่มีสมรรถนะสูง มีหลักธรรมาภิบาล เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นต้องไม่มี วันนี้เชื่อว่าเรื่องนี้ดีขึ้นเยอะแล้วเพราะเอาเรื่องระบบมาจับ เช่น เรื่องเอกซเรย์ ส่วนเรื่องสายพานที่สนามบินมีการประมูลเครื่องไปแล้ว ส่วนที่ด่านต่างๆ ต้องทำเรื่องเครื่องอำนวยความสะดวกให้ สามารถทำงานและตรวจสอบได้ ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ช่วยให้การทำงานโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ ผลักดันให้คนกรมศุลกากรมีจิตบริการ โดยในส่วนของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ จะมีการนำบิ๊กดาต้ามาใช้ในการดำเนินงานและการให้บริการประชาชน มีการนำระบบ AI เข้ามาวิเคราะห์เพื่อลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่
ซึ่งวันนี้รู้ว่าทางกรมศุลกากรได้พัฒนาเรื่องนี้มาเยอะแล้ว อยากจะทดลองทำแซนด์บ็อกซ์ใบขนสินค้า ทำให้ใบขนออนไลน์ได้ทั่วโลก จะได้รู้ว่าเอาออกมาเท่านี้ จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกันว่าตอนเอามาเท่านี้ แล้วตอนเข้าทำไมเท่านี้ ทำไมไม่ทำแบบตรงไปตรงมา การเอาระบบมาจับเชื่อว่าจะลงทุนไม่แพง แต่ต้องหาทีมไอทีเก่งมาช่วยวางระบบ การเอาบิ๊กดาต้ามาใช้เก็บภาษี จะทำให้ภาพเปลี่ยนไปแน่นอน เช่น สินค้าตัวนี้ผมสงสัย ผมสามารถไปขอตรวจข้อมูลจากกรมสรรพากรได้เลย หรือสินค้าที่เราเก็บจากโรงงาน เมื่อเอาไปเทียบกับยอดภาษีมูลค่าเพิ่มก็ตรวจสอบได้ว่าตรงกันหรือไม่
ใช้ AI ช่วยลดทุจริตคอร์รัปชั่น
วันนี้เชื่อว่าภาพลักษณ์ของกรมศุลกากรดีขึ้นเยอะแล้ว ซึ่งการนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกันจะช่วยให้เกิดความเป็นธรรมจริงๆ ถามว่ากดดันเรื่องการแก้เรื่องคอร์รัปชั่นหรือไม่ มองว่าเป็นความท้าทายมากกว่า แต่วันนี้มีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยเราทำ สมัยก่อนเรียกว่าต้องวิ่งไล่จับ จับประตูนี้ไปออกประตูโน้นได้ เพราะเขารู้ช่องทางดีกว่าเรา
แต่วันนี้มีเครื่องมือที่ช่วยได้ เช่น ใช้ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลแล้วมั่นใจว่าเรื่องภาพลักษณ์ที่ไม่ได้ต่างๆ จะค่อยหมดไป และกรมศุลกากรจะเป็นกรมภาษีที่ให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกกรมหนึ่งในอนาคต


