อนุสรณ์บุญเพ็ง หีบเหล็ก ที่วัดภาษี เอกมัย
ย่านเอกมัย และซอยทองหล่อ จัดว่าเป็นย่านที่พักอาศัยกลางเมือง
โดย สมาน สุดโต
ย่านเอกมัย และซอยทองหล่อ จัดว่าเป็นย่านที่พักอาศัยกลางเมือง ที่เต็มไปด้วยตึกสูงใหญ่ เป็นทั้งที่พักอาศัยสมัยใหม่ สำนักงาน ร้านค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการใช้ชีวิตผู้คนยุคปัจจุบัน แต่ท่ามกลางสิ่งแปลกใหม่ทันสมัยนั้น มีศาสนสถานแห่งหนึ่งมีอายุถึง 170 ปี คือวัดภาษี ตั้งอยู่ก่อนความเจริญยุคต่างๆ จะเข้ามา วัดนี้จึงมีตำนานที่ใครได้ยินก็อาจขนหัวลุก คือป่าช้าและที่ประหารนักโทษ ด้วยการตัดคอในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ป่าช้านั้นปัจจุบันคือสนามโรงเรียนวัดภาษี
นักโทษสุดท้ายที่ถูกกุดหัว
นักโทษคนสุดท้ายที่ถูกประหารด้วยการตัดคอนั้น ได้แก่ น.ช.บุญเพ็ง หีบเหล็ก นักโทษอุกฉกรรจ์ ที่ก่อคดีสยองขวัญเมื่อ พ.ศ. 2461 โดยฆ่าแล้วหั่นศพใส่หีบเหล็กบรรทุกรถเจ๊ก ไปทิ้งแม่น้ำเพื่อทำลายหลักฐาน
เรื่องราวของ บุญเพ็ง หีบเหล็ก ดังขนาดที่มีผู้นำมาสร้างเป็นนวนิยายเล่นทางวิทยุ และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้ง เช่น พยุง พยกุล สร้างในปี พ.ศ. 2510 ให้ แมนธีระพล เป็นดาราแสดงนำและ พ.ศ. 2523 มีผู้จัดสร้างขึ้นมาอีก โดยให้ สมบัติ เมทะนีและปริศนา ชบาไพร นำแสดง และเป็นภาพยนตร์ซีดี นำแสดงโดย พร้อมพงษ์นพฤทธิ์ ทัดทรวง มณีจันทร์ และมรกต มณีฉาย
ในศาลบุญเพ็ง ที่วัดภาษี มีภาพถ่ายใส่กรอบ น่าจะเป็นภาพถ่ายจากภาพยนตร์ ซึ่งบรรยายภาพว่า พ.ศ. 2461 เกิดคดีดังสุดสยองขวัญ ฆ่าหั่นศพใส่หีบเหล็กฆาตกรนามว่า บุญเพ็ง หีบเหล็ก เป็นคดีพิศวาส ฆาตกรรม สมัยรัชกาลที่ 6 และเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2546 สร้างเป็นภาพยนตร์เทเลมูวี่ โดยบริษัทคอสโม เรคคอร์ด
พระครูอนุกูลพัฒนกิจ เจ้าอาวาสวัดภาษี เล่าว่า ปีหน้า พ.ศ. 2562 จะครบ 100 ปี การประหารด้วยการตัดคอนักโทษคนสุดท้ายที่ป่าช้าวัดภาษี จึงคิดว่าจะจัดงานรำลึกในวาระครบ 100 ปี เหตุการณ์ดังกล่าว
ที่มาของอนุสาวรีย์
ส่วนอนุสาวรีย์ บุญเพ็ง ในวัดนั้น พระครูอนุกูลพัฒนกิจ (ดรุณ สุนทราจาโร) เจ้าอาวาสวัดภาษี เล่าให้ฟังเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2561 ว่า ก่อนที่จะสร้างรูปหล่อ น.ช.บุญเพ็ง หีบเหล็ก นั้น มีพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งเล่าประวัติวัด ว่าเป็นแดนประหารชีวิตนักโทษสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จึงให้คำแนะนำว่าควรสร้างรูปจำลองนักโทษคนสุดท้ายที่ถูกบั่นคอคนนั้น เพื่อเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ของวัด ดังเช่นที่วัดมหาบุศย์ สร้างแม่นาคพระโขนง เพื่อเป็นอนุสรณ์ในวัดนั้นเช่นกัน
ก่อนสร้างได้ไปหาข้อมูลที่หอสมุดแห่งชาติ ซึ่งได้เค้าเป็นรูปภาพเก่า (จาก นสพ.) จึงสามารถเทียบเคียงใบหน้าได้ แต่จะสร้างในอิริยาบถอะไรจึงจะเหมาะสม ได้คำตอบจากคนเข้าทรง หรือนั่งทางใน ที่บอกลักษณะว่าต้องสร้างรูปนั่งพนมมือ เหมือนนั่งปฏิบัติธรรม รูปหล่อจึงออกมาในลักษณะดังกล่าว
ถามว่าเมื่อสร้างแล้วมีผลอะไรตามมาบ้าง ท่านพระครูเล่าว่าเมื่อสร้างแล้ว ยังหาที่ประดิษฐานที่เหมาะสมไม่ได้ จึงนำไปตั้งไว้ข้างพระอุโบสถ โดยเอาผ้าขาวคลุมไว้
หลอนเด็กจนละเมอ
วันหนึ่งเด็ก ซึ่งเป็นหลานของโยมข้างวัดวิ่งเล่นแล้วไปเปิดผ้าขาวที่คลุมรูปหล่อ น.ช.บุญเพ็ง ตกกลางคืนจับไข้ นอนละเมอ เห็นคนถือดาบไล่ฟัน แล้วเล่าให้ย่าฟัง ย่าซึ่งเป็นโยมทำบุญที่วัด มาต่อว่า ว่าสร้างหุ่นนักโทษที่ถูกฆ่าไว้ทำไม ท่านพระครูบอกว่าสร้างไว้เพื่อเป็นประวัติศาสตร์ของวัด กรณีที่หลานโยมป่วย และละเมอ เพราะหลานไปกวนเขาเองนะ
ส่วนที่มีศาลประดิษฐานรูปหล่อที่เห็นในปัจจุบันนั้น หลวงพ่อวัดบางชัน เมตตามอบวอ สำหรับบรรทุกศพเวียนเมรุมาให้ จึงดัดแปลงเป็นศาลประดิษฐาน รูปหล่อ หรืออนุสาวรีย์บุญเพ็ง หีบเหล็ก เมื่อมีศาลแล้ว ร่างทรงคนเดิมที่เคยบอกให้สร้างรูปท่านั่งปฏิบัติธรรม ได้บอกว่า บุญเพ็งพอใจมาก จึงอาสาช่วยดูแลไม่ให้ภูตผีปีศาจมารบกวนวัด
ในเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณแต่ละบุคคล เช่นบางคนเชื่อว่ามาบนบานแล้วไม่ถูกเกณฑ์ทหารอย่างนี้ หรือบางคนก็มาขอโชค ขอลาภ ก็มีบ้าง
ฆาตกรหั่นศพ
พระครูเล่าว่าบุญเพ็งตอนถูกประหารนั้นอายุประมาณ 30 กว่าปี ตามประวัตินั้น เดิมทีเป็นคนท่าอุเทน จ.นครพนม (ขณะนั้น นครพนม เป็นส่วนหนึ่งของมณฑลอุดร) มาอยู่กับยายแถวเทเวศร์ พอเป็นหนุ่มก็ชอบเครื่องราง ของขลัง เมื่ออายุครบบวช ได้ไปบวชที่วัดเทวราชกุญชร วัดใกล้บ้านยาย จากนั้นมาอยู่วัดสุทัศนเทพวราราม ที่มาของชื่อ บุญเพ็ง หีบเหล็ก ก็เนื่องจากฆ่าคน (หญิงสาว) แล้วใส่หีบเหล็กถ่วงน้ำ คนทอดแหไปพบเรื่องจึงแดง
ส่วนข้อมูลจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีเล่าว่าวัดแรกที่บุญเพ็งบวช เป็นวัดย่าน จ.นนทบุรี ที่นั่นมีลูกศิษย์ส่วนมากเป็นผู้หญิงระดับเศรษฐินี บุญเพ็งมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิงเหล่านี้ ต่อมาเกิดโลภมากในทรัพย์จึงได้ฆ่าสีกาถึง 7 คน แล้วนำศพยัดใส่หีบเหล็กแล้วถ่วงน้ำทุกครั้ง เมื่อจับได้ ผู้คนจึงเรียกเขาว่า บุญเพ็ง หีบเหล็ก
บุญเพ็ง มีชื่อเป็นประวัติศาสตร์ เพราะเป็นนักโทษคนสุดท้าย ที่ถูกสังหารโดยการตัดคอ (โดยเล่าลือว่าในตอนแรกขณะที่ประหารเพชฌฆาตไม่สามารถตัดคอบุญเพ็งได้เนื่องจากความแก่กล้าในคาถาอาคม) เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2462 ศพฝังอยู่ที่ป่าช้า และทำพิธีกรรมทางศาสนาที่วัดภาษี เขตวัฒนา ริมคลองแสนแสบ ปัจจุบันมีศาลบูชาบุญเพ็ง บุคคลในวัดจะเรียกว่า “ลุงบุญเพ็ง” และยังเชื่อว่าหีบเหล็กทั้งเจ็ดใบถูกฝังอยู่ใต้ศาลของบุญเพ็งที่วัดภาษีนี่เอง


