ช่างภาพฟิล์มยุคสุดท้าย ผู้อนุรักษ์‘ศาสตร์ห้องมืด’
แม้นกล้องถ่ายภาพดิจิทัลจะเข้ามาแทนที่กล้องฟิล์ม แต่ผู้ที่รักการถ่ายภาพด้วยฟิล์ม
โดย จักรพันธ์ นาทันริ
แม้นกล้องถ่ายภาพดิจิทัลจะเข้ามาแทนที่กล้องฟิล์ม แต่ผู้ที่รักการถ่ายภาพด้วยฟิล์ม รวมทั้งผู้สนใจการล้างฟิล์มและอัดภาพจากฟิล์มก็ยังมีอยู่และขยายตัวมากขึ้น ซึ่งพิสูจน์ได้จากช่วงเวลา 3 ปี ที่ ณัฐกานต์ ตำสำสูชายหนุ่มในวัย 27 ปี ลาออกจากงานประจำ มาเปิดแล็บฟิล์มสีให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
วันนี้ “ฟิล์มกาหลง โฟโต้แล็บ” จ.ขอนแก่น นั้นถือได้ว่าเป็นแล็บฟิล์มสีที่ครบวงจรที่สุดในภาคอีสาน
“งานฟิล์มเริ่มกลับมาเป็นที่นิยมขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถานที่นี้เพื่อให้ผู้ที่สนใจงานฟิล์ม งานล้างฟิล์ม ได้มาพบปะ มาพูดคุยกัน มาร่วมงานกัน มีอะไรที่ขาดเหลือ หรือมีอะไรที่จะแนะนำกัน แล็บแห่งนี้สามารถที่จะทำให้ได้ทั้งหมด” ณัฐกานต์ สรุปถึงจุดประสงค์ของการทำกิจการร้านฟิล์มถ่ายภาพครบวงจร กิจการที่เขารู้ดีว่าการประสบความสำเร็จถึงขั้นร่ำรวยนั้นเป็นไปได้ยาก
ณัฐกานต์เล่าถึงเส้นทางชีวิตก่อนจะมาถึงการเปิดฟิล์มกาหลง โฟโต้แล็บ ว่า หลังจากเรียนจบจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก็ได้ไปทำงานใน กทม. ไม่นานนักก็อยากกลับมาอยู่บ้านที่ขอนแก่น และอยากทำงานกับภาพถ่าย อยากอยู่ในโลกของงานถ่ายภาพและภาพถ่าย จึงคิดว่าในระดับภูมิภาคภาคอีสานหรือที่ขอนแก่น อะไรที่ยังขาดหายไป ที่ผ่านมางานถ่ายภาพหรือในช่วงที่เรียนที่ต้องใช้ม้วนฟิล์มถ่ายภาพนั้น จะต้องส่งม้วนฟิล์มไปล้างและอัดที่กรุงเทพฯ จึงมีความคิดว่าอยากทำ อยากลงลึกในรายละเอียด อยากจะสร้างห้องมืด อยากจะสร้างพื้นที่ทำงานของตัวเอง ทำห้องมืด ทำพื้นที่ทำงานฟิล์ม ให้กับผู้ที่ชื่นชอบงานฟิล์มนั้นมาทำงานร่วมกัน
“3 ปีกว่าที่ทำแล็บมา ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงวันนี้คือค่อยๆ เก็บที่ละเล็กละน้อย ค่อยๆ พัฒนาจากการที่ล้างฟิล์มในห้องน้ำ จนมาถึงการลงทุนทำเครื่องล้าง สร้างห้องมืด ทุกอย่าง แปรผันไปตามสภาพลูกค้า ตามสภาพของความเฟื่องฟูขึ้นมาต่อเนื่อง เพราะวันนี้งานฟิล์มเริ่มกลับมาเป็นที่นิยมขึ้นอย่างต่อเนื่อง ห้องแล็บงานฟิล์มเกิดขึ้นมามากมาย เครื่องมือต่างๆ เริ่มหาได้ง่ายขึ้น”
ณัฐกานต์ บอกว่า ฟิล์มกาหลง โฟโต้แล็บ จัดพื้นที่การให้บริการออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของห้องมืด ที่เป็น Dark Room Printing คือกระบวนการอัดภาพขาวดำแบบดั้งเดิม ทั้งการล้างรูปด้วยมือ และกระบวนการอัดแฮนด์ฟิล์มด้วยมือ ที่เป็นกระบวนการดั้งเดิม
“งาน Dark Room ที่ผมรู้สึกว่าเป็นศาสตร์ที่ผมอยากจะรักษาไว้ อีกทั้งพื้นที่แห่งนี้ต้องการเป็นที่ที่นักศึกษาหรือผู้ที่สนใจนั้นได้เข้ามาศึกษา เข้ามาเรียนรู้ มาทำงาน ที่ผ่านมามีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มาทำงานวิจัย มาใช้ห้องมืด มาทำการศึกษาค้นคว้าในงานที่เรียนจนสำเร็จการศึกษา”
พื้นที่อีกส่วนหนึ่ง คือ ส่วนหน้าแล็บที่ไว้สำหรับการต้อนรับลูกค้า ไว้สแกนฟิล์มสี ซึ่งก็ได้มีการนำเครื่องจักรที่เป็นมินิแล็บทั่วไปมาติดตั้งเพื่อให้บริการลูกค้าแบบยุคก่อน โดยร้านส่วนใหญ่ที่ไม่ใช้แล้วได้ส่งมอบเครื่องมือจากรุ่นสู่รุ่นมาให้ เพื่อให้มีแล็บงานม้วนฟิล์มที่สมบูรณ์แบบที่สุดในภาคอีสานที่ขอนแก่น ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าก่อนหน้านี้งานม้วนฟิล์มจะกระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ในภาคอีสานนั้นแทบจะไม่มี ซึ่งอาจเป็นเพราะความเปลี่ยนแปลงจากระบบม้วนฟิล์มเป็นดิจิทัล แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ขอนแก่นมีห้องแล็บงานภาพถ่าย งานม้วนฟิล์มที่สมบูรณ์แบบที่สุดอีกแห่งหนึ่งแล้ว
“ผมรู้ตัวอยู่แล้วว่าถ้าทำหวังรวยนั้น แล็บของเรานั้นไม่รวย ก็ถามตัวเองว่าถ้ามาทำแล็บนั้นมาทำเพื่ออะไร ซึ่งเป็นเรื่องที่ตั้งเป้าไว้ชัดเจนว่าผมอยากทำงานภาพถ่ายงาน Photo อยากให้ภาคอีสานของเรานั้นมีพื้นที่หรือมีสถานที่ให้ผู้ที่สนใจงานฟิล์ม งานล้างฟิล์ม ได้มาพบปะ มาพูดคุยกัน มาร่วมงานกัน ถ้าถามผมว่าการที่ผมทำนี้นั้นสวนกระแสหรือไม่กับโลกแห่งดิจิทัล ยอมรับว่า 3 ปีที่แล้วนั้นสวนกระแสมาก แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันอยู่ได้ โดยส่วนตัวก็ไม่นึกว่าจะอยู่ได้ในตอนแรก เพราะที่เราทำคือสนองต่อความต้องการของตัวเอง สนองต่ออุดมการณ์และงานที่เรารัก สุดท้ายเมื่อโลกมันหมุนไปเรื่อยๆ แล็บแห่งนี้ก็ได้รับการพัฒนาไปเรื่อยๆ จนทำให้แล็บแห่งนี้เป็นศูนย์กลางเป็นหัวใจหลักให้กับคนที่ทำงานฟิล์ม คนที่ทำงานภาพถ่าย คนที่รักในการถ่ายภาพ และคนที่อยากจะเรียนรู้งานด้านถ่ายภาพ หรือกระบวนการล้าง อัด และสแกนภาพในพื้นที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะงานม้วนฟิล์ม ซึ่งมันสำคัญกว่าเป้าหมายที่จะทำกำไรกับธุรกิจห้องแล็บแห่งนี้”
ณัฐกานต์บอกถึงเป้าหมายของงาน ธุรกิจ ชีวิต และความเชื่อมั่นของเขาอย่างชัดเจน ความรักในงานฟิล์มถ่ายภาพ ศาสตร์แห่งการล้างอัดภาพในห้องมืด การได้พบปะกับผู้ที่รักและสนใจในสิ่งเดียวกัน พูดคุยด้วยหัวใจและภาษาเดียวกัน นี่คือสิ่งสำคัญที่ทำให้มีแรงบันดาลใจแรงที่จะสานต่อความฝันนี้ต่อไป และไปให้มันถึงที่สุดเท่าที่จะสามารถไปได้


