วัดทองทั่ว จันทบุรี จัดแสดงโบราณวัตถุอายุพันปี
พิพิธภัณฑ์วัดทองทั่ว จันทบุรี แสดงโบราณวัตถุที่นักโบราณคดี
โดย สมาน สุดโต
พิพิธภัณฑ์วัดทองทั่ว จันทบุรี แสดงโบราณวัตถุที่นักโบราณคดี หรือผู้สนใจประวัติศาสตร์ที่เดินทางมาชม ต้องตื่นตาตื่นใจ เพราะแต่ละชิ้นนั้นกำหนดอายุคร่าวๆ พันกว่าปี ในขณะเดียวกันก็ประทับใจกับเด็กนักเรียนระดับประถม ทั้งชายและหญิงที่ได้รับการฝึกฝนให้เป็นไกด์นำชมวัตถุโบราณด้วยความคล่องแคล่ว
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2561 เมธาดล วิจักขณะ รองอธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยข้าราชการกลุ่มเผยแพร่ นำสื่อมวลชนชมโบราณสถานจังหวัดจันทบุรี ตามโครงการเผยแพร่มรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ สถานที่ที่สำคัญซึ่งเป็นไฮไลต์ของทริปนี้ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์วัดทองทั่ว และเมืองเพนียด
ก่อนเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งตั้งอยู่ในอาคารที่เชื่อมต่อกับศาลาวัดทองทั่ว คณะกรมศิลปากรกราบนมัสการเจ้าอาวาส ดร.พระครูจารุเขมากร Ph.D. และถวายสังฆทานด้วย จากนั้นเจ้าอาวาส นำเข้าชมพิพิธภัณฑ์ โดยมีไกด์น้อยๆ และครูโรงเรียนวัดทองทั่ว คอยสนับสนุน เป็นจุดๆ
เจ้าอาวาสกล่าวว่า พิพิธภัณฑ์วัดทองทั่ว เป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชน มีวัดเป็นแกนนำ มีสมาชิก 120 กว่าคน แต่ห่างเหินกันไปบ้าง จากนี้จะเรียกสมาชิกมาหารือกัน เมื่อ อบจ.จะให้งบประมาณ 30 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์แทนอาคารเดิม
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งนี้ รวบรวมโบราณวัตถุที่มีค่าทางประวัติศาสตร์ ที่ได้จากการสำรวจบริเวณเมืองเพนียด และนำมาเก็บไว้ที่อาคารพิพิธภัณฑ์ภายในวัด ตั้งแต่ พ.ศ. 2546 และเริ่มเปิดให้เข้าชม เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2550
ดร.พระครูจารุเขมากร กล่าวชื่นชมที่กรมศิลปากรพาคณะมาชม เพราะจะทำให้ชาวโลกรู้จักเมืองเก่าที่ไม่ได้ถูกเปิดเผยมานาน
พิพิธภัณฑ์วัดทองทั่ว จัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ ที่พบในเขตโบราณสถานเมืองเพนียด ที่ชาวบ้านครอบครองแล้วมอบให้ เช่น ทับหลัง เคยอยู่ในการครอบครองของ แอ็ด เนตรจรัส เป็นทับหลังศิลปะเขมร ศิลปะแบบถาลาบริวัต ที่มีอายุประมาณ 1,400 ปี ถือได้ว่าเป็นศิลปะเขมรโบราณที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดที่พบในประเทศไทย และเป็นศิลปะที่เก่าแก่กว่านครธม นครวัด ของเขมร (ศิลปะแบบถาลาบริวัต ถือเป็นศิลปะของเขมรโบราณในช่วงแรกๆ (ช่วงก่อนการสร้างเมืองพระนครของเขมร) มีอายุประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ 12 (ระหว่าง พ.ศ. 1100-1150)คำว่า ถาลาบริวัต เป็นการใช้ชื่อตามสถานที่ที่พบกลุ่มทับหลัง ได้แก่ บริเวณเมืองธาราบริวัตร จังหวัดสตึงเตรง บริเวณริมฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ทางตอนเหนือของประเทศกัมพูชา นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส ชื่อ มิเรย เบนิสตี (Mireille Benisti) กล่าวถึงทับหลังแบบถาลาบริวัต ว่าเป็นทับหลังที่เก่าแก่ที่สุดของศิลปะขอม เก่ากว่าศิลปะแบบสมโบร์ไพรกุก ที่เกิดในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 12)
ทับหลังแบบถาลาบริวัต ที่จัดแสดงอยู่ที่วัดทองทั่ว มีลักษณะครึ่งท่อน (อีกชิ้นส่วนถูกเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงเทพฯ) มีขนาดกว้าง 49 ซม. ยาว 96 ซม. หนา 13.50 ซม. ทำจากหินทรายแกะสลักเป็นภาพนูนต่ำ ลวดลายบนทับหลังเป็นตัวมกร รูปร่างอ้วนเตี้ย มีหางเป็นลายก้านขด ตัวมกรกำลังอ้าปากคายท่อนพวงมาลัย ที่มีลักษณะเป็นเส้นโค้งออกมา บนวงโค้งมีวงกลมรูปไข่ ภายในทำเป็นรูปครุฑหน้ามนุษย์หันหน้าตรง มือทั้งสองข้างถืองูหรือนาคอยู่ จากลวดลายดังกล่าวมีลักษณะคล้ายคลึงกับศิลปะแบบคุปตะ ของอินเดีย
ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ เน้นการเผยแพร่เนื้อหาความรู้ด้านประวัติศาสตร์เมืองเพนียด ตำนานพระนางกาไว ภาพถ่ายโบราณสถาน รวมถึงการจัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ ที่พบภายในบริเวณเมืองเพนียด เช่น ทับหลัง ศิลาจารึก เศียรเทวรูป พระพุทธรูป ชิ้นส่วนสถาปัตยกรรม ชิ้นส่วนกลองมโหระทึก ถ้วยชามดินเผา ไห ครกหิน ที่บดยา เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องประดับ ธรรมาสน์ ตู้พระไตรปิฎก หีบคัมภีร์ เป็นต้น
ส่วนประวัติของวัด ก็น่าสนใจ เริ่มตั้งแต่ชื่อวัดไปทีเดียว โดยตำนานกล่าวว่าที่มีชื่อทองทั่วเพราะ เจ้าครองเมืองที่เป็นสตรีนางหนึ่งนามว่านางกาไว เมื่อเห็นว่าสู้ข้าศึกศัตรูไม่ไหว ก็นั่งช้างหนีแล้วนำทองที่ติดตัวมาด้วยโปรยไปตามทางเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจข้าศึก บริเวณนี้จึงเต็มไปด้วยทอง จึงมีชื่อว่าทองทั่ว
ใกล้กับวัดทองทั่ว เคยมีวัดเพนียด ซึ่งเคยเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่สมัยอยุธยา อยู่ห่างไปทางทิศใต้ประมาณ 500 เมตร ปัจจุบันกลายเป็นวัดร้างไปแล้ว สิ่งที่น่าสนใจบริเวณวัดทองทั่ว
- พิพิธภัณฑ์วัดทองทั่ว อยู่ในอาคารเชื่อมต่อกับศาลาวัด เป็นศาลาหลังใหญ่เห็นได้ชัดเจน
- โบสถ์เก่าสมัยอยุธยา (อยู่ติดกับโบสถ์ใหม่)
- เจดีย์ทรงกลมสมัยอยุธยา (อยู่ข้างโบสถ์)
- โบราณสถานเมืองเพนียด (ห่างจากวัด 400 เมตร)
- พิพิธภัณฑ์วัดทองทั่ว เปิดให้ชมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.30-16.00 น. (หากเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ควรโทรติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า) ไม่เสียค่าธรรมเนียมเข้าชม


