posttoday

โรงงานซ่อมกลางกรุง สถานที่ประวัติศาสตร์ที่กำลังถูกลืม

08 กันยายน 2561

“รถไฟ หรือเจ้าของสมญานามว่า ม้าเหล็ก” ระบบคมนาคมด้านการเดินทางและขนส่งที่สำคัญของประเทศไทยที่มีอายุ 120 ปี

โดย วิรวินท์ ศรีโหมด  

“รถไฟ หรือเจ้าของสมญานามว่า ม้าเหล็ก” ระบบคมนาคมด้านการเดินทางและขนส่งที่สำคัญของประเทศไทยที่มีอายุ 120 ปี หลายคนอาจไม่เคยทราบว่า ที่ซึ่งเปรียบเสมือนโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่ทำให้รถไฟเหล่านี้ยังคงวิ่งได้มาถึงวันนี้ ไม่ได้ตั้งอยู่ที่ไหนไกล แต่กลับอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานครนี่เอง หากใครเคยขับรถบนทางด่วนผ่านแถวย่านมักกะสัน อาจเคยเห็นโรงงานเก่าสภาพเหมือนถูกปล่อยร้าง แต่รู้หรือไม่นั่นคือ “โรงงานรถไฟมักกะสัน” ที่ทุกวันนี้ข้างในยังคงมีคนคอยทำงานซ่อมรถไฟอยู่ เพื่อให้มันสามารถวิ่งบริการรับส่งผู้คนให้ถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย

เมื่อไม่นานมานี้ผู้เขียนมีโอกาสเดินทางไปที่นั่น โดยเข้าทางประตูด้านสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ราชปรารภ และเมื่อผ่านพ้นประตูป้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย สิ่งแรกที่ได้เห็นคือบริเวณริมกำแพงจะมีซากรถไฟเก่าปลดระวางจอดเรียงกันเป็นแถวยาว ซึ่งขบวนเก่าแก่สุดเป็นหัวขบวนรถจักรแบบไอน้ำ ที่สภาพปัจจุบันได้ผุพังไปตามกาลเวลา

เมื่อเดินข้ามถนนเส้นเล็กๆ ขนาดรถวิ่งสวนกันได้ไปเล็กน้อย สิ่งแรกที่เห็นคือโรงเก็บรถไฟพระที่นั่งของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และด้านข้างจะเป็นอาคารที่มีอายุเก่าแก่มากสุดภายในโรงงานรถไฟมักกะสัน ซึ่งตึกดังกล่าวบริเวณด้านหน้าจะก่อสร้างด้วยอิฐแดง ปัจจุบันมีไม้เลื้อยปกคลุมไปทั่ว ขณะที่อาคารหลังดังกล่าวถูกใช้เป็นสถานที่เก็บอุปกรณ์

พอเดินผ่านไปอีกหน่อยจะพบลานจอดรถใต้ทางด่วนขนาดใหญ่ ซึ่งนอกจากบริเวณนั้นมีรถของเจ้าหน้าที่จอดไว้เต็ม ใกล้ๆ ยังเป็นกองวัสดุอุปกรณ์รถไฟสูงที่ไม่ได้ใช้แล้ว ซึ่งมีความสูงประมาณ 4 เมตรกองอยู่ เดินเข้าไปอีกหน่อยก็จะพบอีกหลายอาคารที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปี

ประยูร เปาลิวัฒน์ รองวิศวกรใหญ่ฝ่ายการช่างกลด้านโรงงาน นายช่างใหญ่ที่ดูแลโรงงานรถไฟมักกะสัน เล่าให้ฟังว่าโรงงานแห่งนี้เปิดดำเนินการเมื่อปี 2453 หลังจากที่กิจการรถไฟมีขึ้นในประเทศไทยได้เพียง 14 ปี (เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2439) โดยพื้นที่ของโรงงานทั้งหมดมีขนาดประมาณ 356 ไร่ วัตถุประสงค์ในยุคแรกการก่อตั้งก็เพื่อเป็นโรงงานซ่อมและสร้างรถไฟครบวงจร

แต่ด้วยกาลเวลาเปลี่ยนไปจนเมื่อปี 2526 รัฐบาลในสมัยนั้นได้มีคำสั่งให้โรงงานดังกล่าวยุติบทบาทการสร้างรถไฟให้เหลือคงไว้เพียงทำหน้าที่ซ่อมแซมและผลิตอุปกรณ์อะไหล่รถไฟบางชนิด เช่น ชิ้นส่วนโบกี้ แหนบ อุปกรณ์เหล็กต่างๆ เพื่อใช้เองภายในโรงงานและส่งไปยังศูนย์ซ่อมตามภูมิภาคทั่วประเทศ

ปัจจุบันพื้นที่ภายในของโรงงานซ่อมรถไฟถูกแบ่งงานออกเป็น 4 ส่วนหลัก คือ ศูนย์ซ่อมรถจักร ศูนย์ซ่อมรถดีเซลรางและรถปรับอากาศ ศูนย์ซ่อมรถโดยสาร และศูนย์แผนงานและการผลิต โดยงานซ่อมแซมหลักจะเป็นการดูแลเช็กตามอายุการใช้งานของรถไฟทุกๆ 6 ปี และซ่อมกรณีรถไฟเกิดอุบัติเหตุเป็นหลัก

ส่วนขั้นตอนเมื่อรถไฟถูกนำเข้ามาภายในโรงงาน เบื้องต้นนายช่างผู้มากประสบการณ์จะช่วยกันเช็กประเมินสภาพ เช่น ตัวรถ ระบบไฟ เบรก ระบบลม ระบบปรับอากาศ ถ้าหากพบความเสียหายจะดำเนินการถอดแยกอุปกรณ์ ก่อนส่งต่อไปยังโรงซ่อมที่รับผิดชอบเฉพาะด้าน ก่อนที่สุดท้ายจะนำอุปกรณ์ทั้งหมดมาประกอบรวมกัน

ประคอง เฮงฉุน ช่างผู้ที่อยู่ในโรงงานนี้มากว่า 45 ปี จนกล้าพูดได้เต็มปากว่าโรงงานแห่งนี้เสมือนบ้านหลังที่สอง เล่าว่าบรรยากาศภายในโรงงานแห่งนี้เมื่อครั้งอดีตกับปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก ตั้งแต่บริเวณรอบพื้นที่ยังไม่มีตึกสูงมากเช่นนี้ และเมื่อก่อนบรรยากาศการทำงานในโรงงานจะสนุกสนาน มีแต่เสียงหัวเราะคนงานจะรู้สึกสดชื่นเมื่อมาทำงาน เพราะการทำงานแต่ละอาคารถูกแบ่งออกอย่างชัดเจน ไม่ได้รวมหลายแผนกไว้ในโรงเดียวเหมือนในปัจจุบัน และเมื่อก่อนช่างหนึ่งโรงมีประมาณ 200 คน แต่ตอนนี้มีเพียง 80 คน ซึ่งจำนวนงานยังคงเท่าเดิม แต่จำนวนช่างลดลงไปมาก

ทั้งนี้ ในส่วนของโรงซ่อมบำรุงรถไฟในประเทศไทยถูกแบ่งเป็น 3 ระดับ ตั้งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งหากเป็นการซ่อมหนักสุดจะมีที่โรงงานมักกะสันเพียงแห่งเดียว ซึ่งมีขีดความสามารถในการรื้อ ซ่อม ฟื้นฟู ประกอบ รวมถึงสามารถทดสอบสมรรถนะได้ นอกจากนั้นจะเป็นหน่วยดูแลทั่วไป โดยในกรุงเทพฯ มีที่สถานีบางซื่อ หัวลำโพง ธนบุรี ส่วนต่างจังหวัดมีที่ จ.อุตรดิตถ์ ลำปาง นครสวรรค์ นครราชสีมา นครศรีธรรมราช สงขลา ชุมพร ส่วนโรงซ่อมขนาดเล็กมีที่ จ.เชียงใหม่ พิษณุโลก ปากน้ำโพ แก่งคอย อุบลราชธานี หนองคาย สุไหงโก-ลก และสุราษฎร์ธานี

โรงงานแห่งนี้เปรียบเสมือนคนที่ไร้วิญญาณ แม้มีรูปลักษณ์ตัวตน แต่ขาดการดูแลจนทรุดโทรม เนื่องจากไม่ค่อยได้รับงบประมาณดูแลบำรุงรักษา ทั้งที่เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของชาติ

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา