(พ่อ)แม่ของงักฮุย
วัฒนธรรมจีนชอบอ้างอิงประวัติศาสตร์ นิยมบุคคลตัวอย่าง และบูชาความกตัญญู แม่ของงักฮุยจึงถูกจารึกให้เป็น 1 ใน 4 ยอดคุณแม่ในประวัติศาสตร์จีน
วัฒนธรรมจีนชอบอ้างอิงประวัติศาสตร์ นิยมบุคคลตัวอย่าง และบูชาความกตัญญู แม่ของงักฮุยจึงถูกจารึกให้เป็น 1 ใน 4 ยอดคุณแม่ในประวัติศาสตร์จีน ก่อนอื่นต้องเกริ่นถึงงักฮุยผู้เป็นลูก
1.งักฮุยเกิดในสมัยซ่งเหนือ ก้าวขึ้นเป็นขุนพลมีชื่อในสมัยซ่งใต้ ช่วงที่บ้านเมืองถูกอาณาจักรจิน-ชนเผ่าทางเหนือรุกราน จนต้องย้ายเมืองหลวงหนีลงใต้
งักฮุยคือขุนพลคนสำคัญที่ชูนโยบายทวงแผ่นดินคืน แต่ราชสำนักมีขุนนางใหญ่ส่วนหนึ่งที่สนับสนุนการสงบศึก โดยให้เหตุผลว่าฝั่งซ่งไม่สามารถเอาชนะพวกจินได้ ว่ากันว่าขุนนางพวกนี้ถูกพวกจินซื้อตัว
แต่งักฮุยยืนยันต้องทวงแผ่นดินที่เสียไปคืน เขามิได้แค่ประกาศนโยบายในท้องพระโรง แต่ยังเข้าสู่สนามรบ นำทัพบุกขึ้นเหนือ รบให้ทุกคนเห็นชัยชนะที่จับต้องได้ งักฮุยยังแต่งกลอนกระตุ้นสำนึกรักชาติฝากไว้หลายบท เขาคือขุนพลครบรสทั้งบู๊บุ๋น
น่าเสียดาย เบื้องบนตัดสินใจแล้วว่าต้องสงบศึก หัวงักฮุยจึงกลายเป็นแค่เครื่องเซ่นสังเวยสนธิสัญญาระหว่างซ่ง-จินคำขาดจากพวกจิน คือ “งักฮุยไม่ตาย พวกเราไม่เซ็น (สัญญา)” เขาจากโลกนี้ไปอย่างไม่เป็นธรรม ตายเพราะรักและหวงแหนแผ่นดินมากกว่าใคร
ชีวิตลบล้างได้ แต่คุณงามความดีไม่ลบล้าง เขาจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักชาติ ชาวจีนเชื่อว่าความเก่ง ความกล้า ความกตัญญูต่อชาติของงักฮุยมีที่มา มาจากแม่ของเขาเอง
2.แม่ของงักฮุยเป็นชาวนายากจน เมื่องักฮุยยังเยาว์ เขื่อนที่กั้นแม่น้ำหวงเหอ (ฮวงโห) แตก เกิดน้ำท่วมไหลบ่าเข้าหมู่บ้าน แม่รีบอุ้มเขาไว้ในอ้อมอกแล้วนั่งซุกลงในโอ่ง โอ่งนั้นลอยตามกระแสน้ำ ทำให้เขาและแม่รอดชีวิตมา คนจะยิ่งใหญ่ย่อมดวงแข็ง ฟ้าดินยังคุ้มครอง ไม่สิ แม่คุ้มครองต่างหาก
แล้วงักฮุยก็เติบโตขึ้น แม้เป็นลูกชาวนาแต่ก็ได้รับการศึกษา เขาชอบอ่านพิชัยสงครามซุนหวู่ และบันทึกชุนชิว บันทึกประวัติศาสตร์ที่ว่ากันว่าขงจื่อเป็นผู้เรียบเรียง เนื้อหาจึงเต็มไปด้วยการปลูกฝังคุณธรรม งักฮุยก็ได้ชื่อว่าเป็นคนยึดถือคุณธรรมและคำสัตย์ตั้งแต่เด็ก
เขายังเป็นเด็กหนุ่มที่มีพละกำลังมาก สามารถขึ้นสายธนูคันใหญ่ได้สบาย ขี่ม้ายิงธนูก็ไม่แพ้ใคร พออายุ 15 บ้านเมืองเริ่มถูกพวกจินรุกราน งักฮุยตั้งปณิธานจะเป็นทหารต้านศัตรู สัญชาตญาณของแม่ทั่วไปย่อมอยากให้ลูกกินอิ่มนอนอุ่น แต่แม่ของงักฮุยไม่คิดเช่นนั้น
บ้านเมืองอยู่รอดสำคัญยิ่งกว่าชีวิตอยู่สบาย ว่ากันว่าเมื่องักฮุยจะไปเป็นทหาร เพื่อตอกย้ำอุดมการณ์ แม่สักลงที่แผ่นหลังของเขาเป็นตัวอักษรสี่ตัวว่า “尽忠报国” (จิ้นจงเป้ากว๋อ) แปลว่า ภักดีจนสิ้นชีวิต สนองคุณประเทศชาติ แปลเป็นไทยคงใกล้เคียง “พลีชีพเพื่อชาติ”
ด้วยการบ่มเพาะทางการศึกษา งักฮุยก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ด้วยการบ่มเพาะทางจิตวิญญาณ งักฮุยกตัญญูสนองคุณชาติจนวันสุดท้ายของชีวิต ว่ากันว่าเมื่องักฮุยถูกตัดสินให้มีความผิด ขุนนางอ่านคำกล่าวโทษว่างักฮุยเป็นกบฏ เขาเปิดรอยสักบนแผ่นหลังให้ดู “อย่างข้านี่หรือคือกบฏของแผ่นดิน” ทำเอาจิตใจขุนนางคนนั้นสะท้านสะเทือน (จนต้องส่งต่อเขาให้ขุนนางที่ชั่วร้ายกว่าไปตัดสินแทน)
ผลงานการรบ ความกตัญญูต่อแผ่นดิน และความตายของงักฮุย จึงเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันกับแม่ของเขา ผ่านรอยสัก “พลีชีพเพื่อชาติ” แล้วพ่อของงักฮุยไปไหน? หลายคนคงคิดว่าพ่อเขาคงตายตั้งแต่งักฮุยยังเล็ก ทิ้งให้แม่ของงักฮุยเป็น Single Mom
อันที่จริงตำนานก็ว่ากันว่าอย่างนั้นแหละ แต่ในบันทึกประวัติศาสตร์พ่อของงักฮุยกลับทำหน้าที่หลายอย่างแทนแม่ของเขา 3.พ่อของงักฮุยในบันทึกประวัติศาสตร์มีชื่อว่า เยว่เหอ เป็นชาวนาฐานะปานกลาง ใจกว้าง มีเมตตา เมื่อหมู่บ้านประสบภัยแล้ง เขาใช้ชีวิตประหยัดอดออม เพื่อให้มีอาหารเหลือแบ่งปันช่วยเหลือผู้คน
คนในหมู่บ้านจึงนับถือเขามาก และก็เบียดเบียนเขาไม่น้อย หลายครั้งมีคนมาขอยืมข้าวสาร ยืมเงิน แม้รู้ทั้งรู้ว่าคนที่มายืมตั้งใจจะชักดาบ เยว่เหอก็ยินดีให้โดยไม่คิดเล็กคิดน้อย ไม่คิดทวง เพื่อนบ้านบางคนถึงขนาดจงใจรุกล้ำที่ดินของเขาไปเป็นที่นาของตัวเองก็มี
เมื่องักฮุยยังเด็ก เขาเห็นลูกนี้มีแววฉลาด จึงตั้งใจเสาะหาอาจารย์มาสอนทั้งด้านบู๊ด้านบุ๋น เยว่เหอยังเห็นว่าลูกคนนี้สัตย์ซื่อถือปณิธาน เคยรำพึงออกมาว่า “เมื่อเจ้าโตขึ้นคงได้สร้างวีรกรรมยิ่งใหญ่ และอาจได้แทนคุณชาติด้วยชีวิต” เขามองงักฮุยทะลุ และยินดีสนับสนุนให้ไปรับใช้ชาติ
ความรู้ความสามารถของงักฮุยจึงมาจากการบ่มเพาะและวิสัยทัศน์ของพ่ออย่างเยว่เหอ น่าแปลกไหมว่า ทำไมชาวบ้านจึงพอใจที่จะยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับแม่แทนที่จะเป็นพ่อของงักฮุย
เหตุผลคงไม่พ้นเพราะวิธีคิดแบบจีนโบราณ แบ่งแยกความดีงามของชายหญิงแตกต่างกัน
ชายหรือพ่อที่ดีต้องสร้างผลงานนอกครอบครัวเป็นสำคัญ ส่วนหญิงนั้นมีหน้าที่ดูแลสมาชิกในครัวเรือน
ความเมตตาจนยอมถูกเพื่อนบ้านเบียดเบียน หรือการสนับสนุนลูกให้ได้ดีโดยที่ตนไม่ได้สร้างผลงานใดๆ ไม่จัดอยู่ในคุณสมบัติที่ใช่ของการเป็นพ่อ
คุณสมบัติแบบนี้ อยู่ในพ่อเรียกอ่อนแอ อยู่ในแม่เรียกอ่อนโยน
(อย่าทำเป็นเล่น ในยุคสามก๊ก เล่าเปียวได้ยินข่าวลือว่ายีเอ๋งกล่าวว่าตนมีคุณธรรมของอิสตรี ทำเอาเล่าเปียวแค้นเคืองจนคิดกำจัดยีเอ๋ง)
จากคตินี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเหตุใด พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ในภาคเจ้าแม่กวนอิม จึงถูกปรับเปลี่ยนเป็นเพศหญิง ทั้งที่เดิมเป็นชาย
แต่เนื่องจากชีวิตและสังคมก็ขาดความดีแบบนี้ไม่ได้ ความดีแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เป็นพ่อหรือแม่ ล้วนมีที่ให้ใช้
ไม่เช่นนั้นพ่อของงักฮุย จะทำให้งักฮุยเป็นงักฮุยได้อย่างไร
เพียงแต่เมื่อยิ่งแบ่งแยกแบ่งบทบาท เมื่อความดีกับสถานะจริงสวมบทผิดที่ผิดทางจากจินตนาการ ก็ยิ่งทำให้เกิดอาการกระอักกระอ่วนในเรื่องที่ต้องเล่าสืบต่อกัน
จินตนาการของสังคม จึงจับมือแม่ของงักฮุยให้นำเข็มขึ้นมาสักลงบนหลังงักฮุย ทั้งๆ ที่ในยุคนั้นสังคมไม่ได้คิดเหลียวแลสอนให้แม่ของงักฮุยรู้วิธีสักหรือแม้กระทั่งรู้หนังสือ
อย่างไรก็ตาม ความดีที่ถูกคติจีนโบราณนิยามให้เป็นของแม่ ก็ยังเป็นที่ต้องการ เด็กๆ ทุกคนต้องการการคุ้มครอง อบรม สั่งสอน ดูแล และยังทำให้เกิดบุคคลที่ยิ่งใหญ่เช่นงักฮุยได้จริง
คือความดีงามที่ไม่ได้มุ่งให้ผลิดอกออกผลที่ตน แต่ผลิดอกออกผลที่ลูกหลานรุ่นถัดไป โดยที่ตนเองไม่มีชื่อฝากไว้ หรือไม่มีใครจดจำได้เลย
และนี่คือพ่อ (แม่) ของงักฮุย


