posttoday

Short Naked Options

21 กรกฎาคม 2561

นอกจากการ Long Call หรือ Put Optionsเพื่อหวังผลกำไรจากทิศทางตลาดไม่ว่าจะเป็นขึ้นหรือลงแล้วนั้น ผู้ลงทุน Options

นอกจากการ Long Call หรือ Put Optionsเพื่อหวังผลกำไรจากทิศทางตลาดไม่ว่าจะเป็นขึ้นหรือลงแล้วนั้น ผู้ลงทุน Options ยังสามารถเลือกใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า Short Options ซึ่งสามารถใช้เพื่อทำกำไรจากทิศทางของตลาดได้เช่นเดียวกัน

ยกตัวอย่างเช่น การทำ Short Naked Put Options คือ การขาย Put Options แบบตรงไปตรงมา เพื่อทำกำไรเมื่อตลาดมีทิศทางเป็นขาขึ้น ซึ่งผู้ลงทุนสามารถใช้เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการครอบครองสินทรัพย์ดังเช่นกองทุนรวม SET50 Index หรือ TDEX ETF ได้เนื่องจากผู้ที่ทำการ Short Put Options จะได้รับ Premium หรือเงินมาเก็บไว้ หากดัชนี SET50 ยังคงไม่ลดลงต่ำกว่าระดับหนึ่งนั่นเอง

ในขณะที่การ Short Naked Call Options คือ การขาย Call Options ซึ่งจะทำเมื่อผู้ลงทุนคาดหวังว่าทิศทางของตลาดจะเป็นขาลง จึงทำการขายออกมาเพื่อทำกำไรในช่วงขาลง หรือเป็นการลดความเสียหายจากการถือสินทรัพย์อ้างอิงที่ผูกกับดัชนี SET50 Index นั่นเอง

ในการ Short Naked Options นั้นจะมีความน่าจะเป็นที่จะได้กำไรในสภาวะที่ Options นั้นมี Implied Volatility ที่สูง โดยกำไรสูงสุดที่ผู้ลงทุนจะได้รับคือค่า Premium ตอนที่ทำการเปิดสถานะนั่นเอง โดยใน Put Options มีจุด Breakeven คือราคาใช้สิทธิ-Premium ที่ได้รับ ขณะที่Call Options จะมีจุด Breakeven คือ ราคาใช้สิทธิ+Premium

เนื่องจากกลยุทธ์การ Short Naked Options นั้น ผู้ลงทุนจะประสบโอกาสขาดทุนแบบไม่จำกัดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ Short Call Options ซึ่งหากราคาของสินค้าอ้างอิง ปรับตัวขึ้นจะสามารถขึ้นต่อไปได้เรื่อยๆ ไม่จำกัด จึงทำให้ Short Call Options สามารถสร้างความเสียหายได้อย่างไม่จำกัดอย่างแท้จริง

ในขณะที่ Short Put Options สินค้าอ้างอิงจะสามารถปรับตัวลดลง แต่ก็ไม่สามารถลดลงได้ต่ำกว่าศูนย์แน่นอน ดังนั้นความเสียหายจึงเกิดขึ้นได้น้อยกว่าการ Short Options จะได้ประโยชน์จาก Time Decay เมื่อ Options นั้นเข้าใกล้วันหมดอายุเข้ามาเรื่อยๆ โดยเฉพาะการเลือก Short Options ที่มี Moneyness เป็น OTM ดังนั้นเวลาจึงเป็นเสมือนเพื่อนของ Options Seller เสมอ

นอกจากนี้ ในช่วงที่คาดว่า Implied Volatility สูงกว่าปกติ และน่าจะปรับตัวกลับสู่สภาพสมดุล หรือ Implied Volatility จะลดลง จะยิ่งทำให้มูลค่า Options ลดลงซึ่งส่งผลดีต่อผู้ที่ขาย Options ล่วงหน้าได้ในราคาสูงไว้ก่อนแล้วนั่นเอง

สำหรับการเลือกปิดสถานะนั้น ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงจุด Take Profit และไม่ควรถือOptions นั้นจนหมดอายุ ยกเว้นแต่ว่า Options อยู่ไกลจากโอกาสที่จะเป็น ITM ได้นั่นเอง โดยจุด Take Profit ที่ดี ควรจะตั้งอยู่หลายระดับ เช่น กำไร 70% จากกำไรสูงสุดที่จะได้รับ หรือ 80% เป็นต้น

ในกรณีที่ผู้ลงทุนพบว่าราคาของสินค้าอ้างอิงปรับขึ้นหรือลงจนตัดกับจุด Breakeven แล้ว ผู้ลงทุนสามารถเลือกเปิดสถานะในอีก Options Type หนึ่งได้ เช่น หาก Short Put อยู่ แล้วตลาดวิ่งตัดกับจุด Breakeven แล้ว ก็สามารถเลือก Short Call Options เพิ่ม เพื่อขยายจุด Breakeven ของเราออกไปจาก Premium ที่เก็บได้เพิ่ม ซึ่งแนวทางดังกล่าวเป็นแนวทางเชิง Defensive ที่ช่วยเพิ่มเวลาให้ตลาดมีการกลับตัวนั่นเอง

นอกจากนี้ การเลือกที่ Roll Over Options ไปยังสัญญาเดือนหรือไตรมาสถัดไป ยังช่วยให้ขยายเวลาออกไปได้อีกเป็นเดือนหรือเป็นไตรมาส ซึ่งเราสามารถจะหาจังหวะปิดเพื่อทำกำไร หรือปิดสถานะเพื่อลดการขาดทุนได้อีกด้วย ทั้งนี้ การ Roll Over ไปสัญญาเดือนถัดไป
เรามักจะสามารถเก็บ Premium ได้เพิ่มขึ้น และมักจะสูงกว่าการปิดสัญญาในเดือนปัจจุบันนั่นเอง

หวังว่าผู้อ่านจะสามารถนำกลยุทธ์ดังกล่าว เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนอีกทางหนึ่ง สำหรับท่านที่สนใจสินค้า Options หรือสินค้าอื่นใน TFEX โปรดติดต่อโบรกเกอร์ที่ท่านใช้บริการอยู่หรือติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.tfex.co.th

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา