posttoday

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (72)

15 กรกฎาคม 2561

เพราะฉะนั้น พ่อจึงถือว่าเป็นวันเคราะห์ร้ายอย่างยิ่ง อันตั้งแต่เกิดมาพึ่งได้มีแก่ตัว

โดย วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย

เพราะฉะนั้น พ่อจึงถือว่าเป็นวันเคราะห์ร้ายอย่างยิ่ง อันตั้งแต่เกิดมาพึ่งได้มีแก่ตัว จึงสามารถที่จะกล่าวในหนังสือฉบับก่อนว่า เหมือนตะเกียงอันริบหรี่ แต่เหตุใดจึงไม่ดับ เป็นข้อที่ควรจะถามหรือควรจะเล่าบอกการที่ไม่ดับไปได้นั้น

๑.คือเยียวยารักษาร่างกายด้วยยาบำบัดโรค และความอดกลั้นต่อปรารถนา คือไม่หาความสุขเพราะกินของที่มีรสอร่อย อันจะทำให้เกิดโรคอย่าง ๑

๒.ปฏิบัติอธิษฐานใจเป็นกลาง มิได้สำแดงกิริยาอาการโดยแกล้งทำอย่างเดียว ตั้งใจเป็นความแน่นอนมั่นคง เพื่อจะแผ่ความเมตตากรุณาต่อชนภายใน คือ น้องและแม่เลี้ยงทั้งปวง ตามโอกาสที่จะทำได้ให้เห็นความจริงใจว่า มิได้มุ่งร้ายหมายขวัญต่อผู้หนึ่งผู้ใด การอันใดที่เป็นข้อกระทบกระเทือนมาเก่าแก่เพียงใด มากหรือน้อยย่อมสำแดงให้ปรากฏว่าได้ละทิ้งเสียไม่ได้นึกถึงเลย คิดแต่จะมั่วสุมให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยควรที่จะสงเคราะห์ได้อย่างใดก็สงเคราะห์มีที่สุดถึงว่าอายุน้อยเพียงเท่านั้นยังได้จูงน้องเล็กๆ ติดเป็นพรวนโตอยู่ทุกวัน แม่เจ้าคงจะจำได้ในการที่พ่อประพฤติอย่างใดในขณะนั้น

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (72)

๓.ส่วนพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ ซึ่งท่านเชื่อเป็นแน่ว่าพ่อเป็นแต่เจว็ดครั้งหนึ่ง คราวหนึ่งอย่างเรื่องจีน แต่ถึงดังนั้นพ่อได้แสดงความเคารพนับถืออ่อนน้อมต่อท่านอยู่เสมอ เหมือนอย่างเมื่อมิได้เลือกขึ้นเป็นสมมตกษัตริย์เช่นนั้น จนท่านก็มีความเมตตาปรานีขึ้นทุกๆ วัน

๔.ส่วนข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ซึ่งรู้อยู่ว่ามีความรักใคร่นับถือพ่อมาแต่เดิม ก็ได้แสดงความเชื่อถือรักใคร่ยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน จนมีความหวังใจว่า ถ้ากระไรคงจะได้ดีสักมื้อหนึ่ง หรือถ้ากระไรก็จะ...เป็นอันตรายสักมื้อหนึ่ง

๕.ผู้ซึ่งรู้อยู่ว่าเป็นศัตรูปองร้าย ก็มิได้ตั้งเวรตอบคือเอา...ไปงัดไม้ซุง ย่อมเคารพนับถือ และระมัดระวังมิให้เป็นเหตุว่า คิดจะประทุษร้ายตอบหรือโอนอ่อนยอมไปทุกอย่าง จนไม่รู้ว่าผิดชอบเพราะเหตุที่รู้อยู่ว่าเป็นศัตรู

๖.ข้าราชการซึ่งเป็นกลาง คอยฟังข่าวชนะไหนจะเล่นนั้นมีเป็นอันมาก แต่พ่อมิได้แสดงความรู้สึกให้ปรากฏเลย ย่อมประพฤติต่อด้วยอาการเสมอ แล้วแต่ความดีความชั่วของผู้นั้น แม้ถึงรู้อยู่ว่าเป็นศัตรูหรือเฉยๆ แต่เมื่อทำความดีแล้ว ต้องยกย่องให้ตามคุณความดี

๗.ผู้ซึ่งเป็นญาติพี่น้อง มิได้ยกย่องให้มียศศักดิ์เกินกว่าวาสนาความดีของตัวผู้นั้น ถ้าผู้นั้นทำผิดต้องปล่อยให้ได้รับความผิด ผู้นั้นทำความดีก็ได้รับความดี กับคนทั้งปวง มีแปลกอยู่แต่เพียงมารู้อยู่ในใจด้วยกันแต่เพียงว่าปรารถนาจะให้ไปทางดี เพื่อจะได้ยกย่องขึ้น เมื่อไปทางที่ผิดก็เป็นที่เสียใจ แต่ความเสียใจนั้นไม่ล้างมิให้ยินยอมให้ผู้ผิดต้องรับความผิด

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (72)

๘.ละเว้นจากความสุขสบาย คือกินและนอน เป็นต้น สักแต่ชั่วรักษาชีวิตไว้พอดำรงวงศ์ตระกูลสืบไป พยายามหาคนที่จะใช้สอยอันควรจะเป็นที่วางใจได้ เป็นต้น อันมีอายุเจริญขึ้นโดยลำดับ

๙.เมื่อมีผู้ร่วมคิดในทางอันดีมากขึ้น จึงค่อยแผ่อำนาจออกโดยยึดเอาทางที่ถูก ต่อสู้ทางที่ผิด เมื่อชนะได้ครั้งหนึ่งสองครั้งความนิยมของคน ซึ่งตั้งอยู่ในทางกลางย่อมรวนเรหันมาเห็นด้วยก่อน จึงเกิดความนิยมมากขึ้นๆ จนถึงผู้ซึ่งเป็นศัตรูก็ต้องกลับเป็นมิตรเว้นไว้แต่ผู้ซึ่งมีความปรารถนากล้า อันจะถอยกลับไม่ได้เสียแล้วก็ต้องทำไป ก็ย่อมเห็นว่ากำลังอ่อนลงทุกเมื่อๆ

๑๐.พ่อไม่ปฏิเสธว่า ในความหนุ่มคะนองเช่นนั้นจะมิได้ซุกซน อันเป็นเหตุให้พลาดไปหลายครั้ง แต่อาศัยเหตุโอบอ้อมที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น และความรู้เห็นในผู้ซึ่งควรจะไว้ใจ ได้แก้ไขให้รอดจากความเสีย ถ้าไม่ได้ประพฤติใจดังเบื้องต้นแล้ว ไหนเลยจะรอดอยู่ได้คงล่มเสียนานแล้ว การอันใดซึ่งเกิดเป็นการใหญ่ๆ ขึ้น ดูก็ไม่น่าที่จะยกหยิบเอามากล่าวในที่นี้ เพราะจะทำให้หนังสือยาวเกินไป แต่พ่อยังเชื่อใจว่าถึงเหตุเหล่านั้นเกิดขึ้น เพราะเป็นคนหนุ่มก็ยังได้ประโยชน์มากกว่าเสียประโยชน์ จึงได้ตั้งตัวยืนยาวมาได้ถึง ๒๕ ปีนี้แล้ว

บัดนี้มีลูกมีอายุเท่ากับพ่อในเวลาที่ได้มีความทุกขเวทนาแสนสาหัสเช่นนี้ จึงได้มีใจระลึกถึง ประสงค์จะแนะให้รู้จักเค้าเงื่อนแห่งความประพฤติอันได้ทดลองมาแล้วในชั่วอายุเดียวเท่านั้น แต่จะถือเอาเป็นอย่างเดียวกันเหมือนตีพิมพ์ย่อมไม่ได้อยู่เอง เพราะบริษัทและบุคคลกับทั้งเหตุการณ์ภูมิพื้นบ้านเมืองผิดเวลากัน ในเวลานี้เป็นการสะดวกดีง่ายกว่าแต่ก่อนมากยิ่งขึ้น ตัวชายใหญ่เองก็ตั้งอยู่ในที่ผิดกันกับพ่อ ถ้าประพฤติตัวให้ดีจะดีได้เร็วกว่าง่ายกว่าเป็นอันมากในการภายใน แต่การภายนอกย่อมหนักแน่นขึ้นกว่าแต่ก่อน จึงจะเป็นการจำเป็นที่จะทำช้าอย่างเช่นพ่อเคยทำมาไม่ได้ การสมัครสมานภายในต้องเรียบร้อยโดยเร็ว ไว้รับภายนอกให้ทันแก่เวลา จึงขอเตือนว่า

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (72)

๑.ให้โอบอ้อมอารีต่อญาติและมิตรอันสนิท มีน้องเป็นต้น เอาไว้เป็นกำลังให้จงได้

๒.อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ไม่ว่าเจ้านายหรือขุนนาง ฟังคำแนะนำตักเตือนในที่ควรฟัง

๓.อย่าถือว่าเกิดมามีบุญ ต้องถือว่าตัวเกิดมามีกรรมสำหรับจะเทียมแอกเทียมไถทำการที่หนัก การซึ่งจะมีวาสนาขึ้นต่อไปนั้นเป็นความทุกข์ มิใช่ความสุข

๔.การที่เป็นเจ้าแผ่นดินไม่ใช่สำหรับมั่งมี ไม่ใช่สำหรับข่มเหงคนเล่นตามชอบใจ มิใช่เกลียดไว้แล้วจะได้แก้เผ็ด มิใช่เป็นผู้สำหรับจะกินสบายนอนสบาย ถ้าจะปรารถนาเช่นนั้นแล้วมีสองทางคือ บวชทางหนึ่ง เป็นเศรษฐีทางหนึ่ง เป็นเจ้าแผ่นดินสำหรับแต่เป็นคนจนและเป็นคนที่อดกลั้นต่อสุขและทุกข์ อดกลั้นต่อความรักและความชังอันจะเกิดฉิวขึ้นมาในใจ หรือมีผู้ยุยง เป็นผู้ปราศจากความเกียจคร้าน ผลที่จะได้นั้นมีแต่ชื่อเสียงปรากฏเมื่อเวลาตายแล้วว่าเป็นผู้รักษาวงศ์ตระกูลไว้ได้ และเป็นผู้ป้องกันความทุกข์ของราษฎร ซึ่งอยู่ในอำนาจความปกครอง ต้องหมายใจในความสองข้อนี้เป็นหลักมากกว่าคิดถึงการเรื่องอื่น ถ้าผู้ซึ่งมิได้ทำใจได้เช่นนี้ ก็ไม่แลเห็นเลยว่าจะปกครองแผ่นดินอยู่ได้

เมื่อลงปลายหนังสือฉบับนี้ ต้องขออำนวยพรเจ้าซึ่งยังมิต้องรับการอย่างเช่นพ่อต้องรับมาในเมื่ออายุเพียงนี้ ยังมีพร้อมอยู่ทั้งบิดามารดาคณาญาติ ซึ่งจะช่วยอุปถัมภ์บำรุงให้สติปัญญาความคิดแก่กล้าขึ้น จนถึงเวลาที่ควรจะรับแล้วและได้รับโดยความสะดวกใจดีกว่าที่พ่อได้เป็นมาแล้ว ขอให้หมั่นศึกษาและทำใจในข้อความที่ได้กล่าวตักเตือนมานี้ ละความเกียจคร้าน ตั้งใจพยายามทำทางไว้ให้จงดีทุกเมื่อ ถ้าสงสัยอันใดข้อใดไม่เข้าใจ ให้ถามจะอธิบายให้ฟังในอ่านหนังสือนี้จำได้ทุกข้อ อย่าให้เป็นแต่เหมือนอ่านหนังสือพิมพ์เล่น

(พระบรมนามาภิไธย) สยามินทร์

สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร พระองค์แรกของกรุงสยาม ไม่ทรงมีโอกาสได้เถลิงถวัลยราชสมบัติตามพระราชประสงค์ของสมเด็จพระบรมชนกนาถ เพราะได้ประชวรด้วยโรคพระอวัยวะภายในพระอุระพิการ และได้เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ร.ศ. 113 (ปี 2437) ขณะทรงมีพระชนมายุเพียง 16 ปี 6 เดือน กับ 7 วัน ยังความเศร้าโศกให้แก่พระราชชนนีเป็นอันมาก ถึงกับทรงพระประชวรกระเสาะกระแสะนับแต่วาระมหาวิปโยคนั้นมา

ข้างสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง พระบรมชนกนาถเล่า ก็ไม่เบาเลยในความเสียพระราชหฤทัยในพระปิโยรส ถึงกับทรงปรารภว่าแทบจะไม่ปรารถนาจะตั้งพระราชโอรสองค์ใดเป็นมกุฎราชกุมาร แต่ทรงจำต้องรักษาพระราชประเพณีไว้ โดยทรงแต่งตั้งสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ (คือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) ซึ่งเพิ่งเสด็จไปทรงศึกษาที่อังกฤษเป็นปีที่ 2 ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารต่อมา

สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ทรงมีพระอนุชาและพระขนิษฐาที่ร่วมพระชนนี 7 พระองค์ คือ

ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (72)

1.สมเด็จเจ้าฟ้าอิศริยาลงกรณ์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2422 พระชันษา 21 วัน

2.สมเด็จเจ้าฟ้าวิจิตรประภา สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2424 พระชันษา 3 เดือน24 วัน

3.สมเด็จเจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2442 พระชันษา 17 ปี 8 วัน

4.สมเด็จเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2481 พระชันษา 54 ปี 9 เดือน 29 วัน

5.สมเด็จเจ้าฟ้าศิราภรณ์โสภณ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2441 พระชันษา 9 ปี 10 เดือน 9 วัน

6.สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ สมเด็จพระราชบิดา สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2472 พระชันษา 37 ปี 8 เดือน 23 วัน

7.สมเด็จเจ้าฟ้าหญิง ไม่ทันพระราชทานพระนาม สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2436 พระชันษาได้ 3 วัน

ข่าวล่าสุด

"ธรรมนัส” เผย 25 ธ.ค.นี้ กล้าธรรมเปิดตัวสส.ทั้งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์