วิกฤตยุคฉิน : หัวก้าวหน้า หัวถอยหลัง กับนักฉวยโอกาส
1.ฉินสื่อหวงตี้ (จิ๋นซีฮ่องเต้) เป็นผู้นำหัวก้าวหน้ากล้าคิดรวบอาณาจักรจีนเป็นหนึ่งเดียว
1.ฉินสื่อหวงตี้ (จิ๋นซีฮ่องเต้) เป็นผู้นำหัวก้าวหน้ากล้าคิดรวบอาณาจักรจีนเป็นหนึ่งเดียว
เขารู้ว่าอาณาจักรที่แยกเป็นแว่นแคว้นมีแต่จะต้องรบพุ่งกัน ฉะนั้นความเดือดร้อนย่อมหมดไปเมื่ออาณาจักรรวมกันยิ่งใหญ่เป็นหนึ่งเดียว (ภายใต้เขา) และเขาคือคนแรกที่ทำได้
ที่จริงนโยบายนี้มีมาก่อนยุคฉินสื่อหวงตี้นับร้อยปี บรรพบุรุษแคว้นฉินทำศึกตัดกำลังทั้ง 6 แคว้นในอาณาจักรมาโดยตลอด เมื่อมาถึงจังหวะเหมาะฉินสื่อหวงตี้จึงสามารถใช้กำลังเข้าปราบปรามทั้ง 6 แคว้น ได้ภายในเวลาเพียง 9 ปีเท่านั้น
ขณะที่อาณาจักรยักษ์ใหญ่ในอารยธรรมอื่นส่วนมากล้วนมีปัญหาในบั้นปลาย เพราะเมื่อรวบรวมแผ่นดินไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง อันก่อให้เกิดวัฏจักรแผ่นดินรวมเป็นหนึ่งแล้วแตกแยก แต่ฉินสื่อหวงตี้ไปไกลยิ่งกว่า เขามาพร้อมกับระบบใหม่ที่จะทำให้ฮ่องเต้ปกครองได้ทั้งแผ่นดินโดยไม่ต้องแบ่งใคร
เขารวบอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง ป้องกันแคว้นเก่าปฏิวัติโดยการยึดอาวุธมาหลอมเป็นยักษ์สัมฤทธิ์ 12 ตัว เขายังสร้างถนน 9 สาย ทะลุทั่วแผ่นดิน รวมถึงสร้างกำแพงเมืองจีนกั้นดินแดนกันดารของชนเผ่าเร่ร่อนที่จีนไม่ต้องการออกจากส่วนกลางอาณาจักรที่มีอันจะกิน
แต่อายุราชวงศ์ฉินมีเพียงแค่ 15 ปีก็จบลง เพราะการลุกฮือปฏิวัติของอีก 6 แคว้นที่เคยเป็นอิสระ ซึ่งเป็นไปได้ว่ากบฏลุกฮือเพราะความไม่พอใจในมาตรการเพื่อรวบอำนาจแบบใหม่ มากกว่าระบบที่ไม่มีประสิทธิภาพ
ส่วนสถานการณ์ลุกลามไวก็เพราะฝ่ายปกครองจากส่วนกลางยังไม่สามารถต่อติดกับขุนนางท้องถิ่นเดิม หลักฐานก็คือเมื่อชาวบ้านในแต่ละแคว้นลุกฮือ ขุนนางท้องถิ่นเดิมก็ร่วมเด็ดหัวขุนนางที่ส่วนกลางส่งมาปกครองโดยพร้อมเพรียง
2.เซี่ยงอวี่ ขุนพลที่ขึ้นมาล้มล้างราชวงศ์ฉิน จัดเป็นคนที่มีอุดมการณ์ถอยหลัง
แม้แคว้นฉินจะเด็ดหัวผู้ปกครองทั้ง 6 แคว้นในอดีตไปแล้ว แต่ก็ยังเหลือขุนนางและลูกหลานที่ยังไม่สยบยอม หนึ่งในนั้นคือเซี่ยงอวี่ ที่ชูอุดมการณ์ว่าจะโค่นล้มการรวบอำนาจแคว้นฉินลงให้ได้ และเขาทำได้สำเร็จ แต่เป็นความสำเร็จที่น่าสะพรึง
เซี่ยงอวี่เผาพระราชวังและสมบัติของแคว้นฉินวายวอด ฮ่องเต้องค์ที่ 3 ที่สยบยอมโดยดีก็ถูกสังหาร และในการรบครั้งสำคัญ เซี่ยงอวี่นำเชลยศึกทัพฉินที่ยอมจำนน 2 แสนคนฝังทั้งเป็น ทั้งๆ ที่ทหารทั้งหลายก็เป็นเพียงผู้คนที่ถูกเกณฑ์จากอดีตแคว้นต่างๆ เท่านั้น
อาจวิเคราะห์ได้ว่าพฤติกรรมของเซี่ยงอวี่ คือ การแสดงความรังเกียจอุดมการณ์แบบฉิน อะไรก็ตามที่มีชื่อฉินติดอยู่ เขายินดีจะกำราบให้เหี้ยน แม้ว่าจะไร้เหตุผลรองรับเพียงใดก็ตาม
ไม่ว่าการวิเคราะห์จะถูกหรือผิด แต่เซี่ยงอวี่ก็ตัดสินใจแบ่งแผ่นดินให้กับแต่ละแคว้นไปแยกย้ายปกครองแบบยุคดั้งเดิม แต่เจ้าแคว้นยุคเก่าถูกแคว้นฉินจัดการเสียสิ้นเซี่ยงอวี่จึงแบ่งแผ่นดินให้กับผู้มีความดีความชอบรอบกายและเขาไปไกลว่ายุคก่อนหน้าที่มีอยู่เพียง 6-7 แคว้น เพราะเขาแบ่งไปได้ถึง 19 แคว้น
สิ่งที่เขาทำไม่เป็นประโยชน์ต่อใครแม้กระทั่งตนเอง เจ้าแคว้นเดิมถูกฉินสื่อหวงตี้ล้มล้างไปหมด ทั้ง 19 แคว้นจึงไม่มั่นคงและส่อแววล่มสลายจากการแก่งแย่งอำนาจกันเองในเวลาไม่นาน อุดมการณ์ย้อนยุคของเซี่ยงอวี่เป็นเพียงฝันกลางวัน
3.หลิวปัง เป็นนักฉวยโอกาส กล่าวได้ว่า เขาไม่มีอุดมการณ์ใดๆ ยกเว้นสร้างอำนาจให้กับตัว
หลิวปังลุกขึ้นมาท้าทายเซี่ยงอวี่ เขามิได้เก่งกาจเลยสักด้าน เว้นแต่เรื่องฝีปากจัดจ้าน และการ (หลอก) ใช้คนให้ทำงาน เช่น หลิวปังหลอกเซี่ยงอวี่ให้ตายใจบ้าง หลอกหานซิ่นขุนพลนอกสังกัดมาช่วยช่วงชิงแผ่นดินบ้าง
อีกครั้งหนึ่งเมื่อเซี่ยงอวี่จับพ่อหลิวปังได้ เซี่ยงอวี่ขู่ว่าจะต้มพ่อหลิวปัง เขาจึงสวนกลับทันควัน “ถ้าอย่างนั้นทำแบ่งให้ข้าชิมสักชามด้วย!”
พฤติกรรมหลิวปังไร้ซึ่งอุดมการณ์ แต่หากใครมาร่วมงานด้วย หลิวปังยินดีแบ่งผลประโยชน์ ไม่ว่าคนขายเนื้อหมา ข้าราชการต๊อกต๋อย หรือขุนพลยิ่งใหญ่ หลิวปังทำให้พวกเขามียศมีตำแหน่งตามความมีความอยาก ตามความสามารถที่ช่วยงานหลิวปังได้ (แต่เมื่องานสำเร็จแล้ว เป็นอีกเรื่อง)
ในที่สุดทั้งอุดมการณ์ก้าวหน้าและอุดมการณ์ถอยหลังกลับพ่ายแพ้ไปให้กับนักฉวยโอกาสอย่างหลิวปัง
เขาคือผู้ก่อตั้งราชวงศ์ฮั่น ราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์จีนจึงสร้างขึ้นจากคนฉวยโอกาสเช่นนี้เอง
อุดมการณ์ที่มุ่งมั่น ผิดอย่างนั้นหรือ!
อุดมการณ์เป็นสิ่งดี อุดมการณ์คือสิ่งที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ซึ่งโลกพิสูจน์มาแล้วนักต่อนัก
สิ่งที่ฉินสื่อหวงตี้ทำ ทำให้คนในประเทศรู้สึกเหมือนอยู่ในคุก ส่วนสิ่งที่เซี่ยงอวี่ทำคือไม่ดูสถานการณ์ จนแม้ตนเองก็ไม่ได้รับผลดีอะไร แน่นอนว่าทั้งคู่มีภาพอุดมคติสวยงามในแบบฉบับของตนภายในหัวทั้งสิ้น
และอีกหลายครั้งอุดมการณ์สุดขั้ว คือ ข้ออ้างในการทำลายผลประโยชน์ผู้อื่นโดยไม่รู้สึกผิด และไม่รู้สึกตัว
ถืออุดมการณ์รักชาติ แล้วตีตราคนใช้ของต่างประเทศว่าฟุ่มเฟือย ถืออุดมการณ์รักโลก แล้วประณามคนที่เปิดเครื่องปรับอากาศว่าเป็นตัวการทำโลกร้อน หรือถืออุดมการณ์ช่วยสังคมแล้วบังคับให้ทุกคนทำงานฟรี คนยึดติดอุดมการณ์และประณามคนอื่นเช่นนี้มีอยู่จริง
ไม่ว่าเรื่องใหญ่ยันเรื่องเล็ก แต่ละคนย่อมถืออุดมการณ์คนละชุดกัน แต่เริ่มต้นอุดมการณ์ด้วยการบังคับทิศทางทุกคนรอบตัวให้ทำตาม จึงไม่เคยไปไหนไกลนอกจากสร้างความขัดแย้งอันร้าวลึกร้าวราน
วิธีแก้ไม่ใช่เรื่องยากเย็น แค่ตระหนักว่าผู้คนย่อมมีอุดมการณ์ไม่เหมือนกัน เมื่อต้องการให้คนมาร่วมอุดมการณ์ จะชักจูงให้เห็นดีเห็นงาม หรือไม่ก็ชดเชยหรือให้ผลประโยชน์ที่พึงได้ แต่จงอย่าใช้อุดมการณ์ของเรามากักขังหน่วงเหนี่ยวใคร
ที่ว่ามานี้ มิได้คิดอวยคนฉวยโอกาส แต่อยากให้คนมีอุดมการณ์ประสบความสำเร็จโดยไม่ติดกับดักคนมีอุดมการณ์เท่านั้นเอง


