บทเรียนการเมืองมาเลเซีย
ชัยชนะของ นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 92 แห่งมาเลเซีย
ชัยชนะของ นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 92 แห่งมาเลเซีย ภายหลังสามารถโค่นพรรคร่วมรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรีนายนาจิบ ราซัค ที่อยู่ในอำนาจมานานถึง 61 ปี ถือเป็นผลการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึก
แรงสั่นสะเทือนจากผลการเลือกตั้งที่ออกมาสามารถสร้างบทเรียนสำคัญสำหรับนักการเมืองไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะความพยายามในการสืบทอดอำนาจอย่างยาวนาน ซึ่งผลคะแนนการหย่อนบัตรของชาวมาเลย์ได้ตอกย้ำให้เรารู้ว่าประชาชนคือผู้มีอำนาจสูงสุดในการกำหนดอนาคตประเทศ หาใช่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง
รัฐบาลของนายนาจิบ ราซัค เต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่น การดำเนินนโยบายล้มเหลวและไม่ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของพลเมือง ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นเด่นชัดว่าการใช้อำนาจไปในทางมิชอบและมองไม่เห็นหัวประชาชนนำมาซึ่งความพ่ายแพ้ทางการเมืองในที่สุด
อย่างไรก็ดี สังคมการเมืองไทยควรได้เรียนรู้เป็นกรณีศึกษาว่าการได้มาซึ่งรูปแบบการปกครองที่ดี และมีครรลองประชาธิปไตยนั้นไม่ควรอาศัยอำนาจนอกระบบ แต่ควรต้องสร้างวุฒิภาวะทางการเมืองโดยผลักดันและส่งเสริมกระบวนการการมีส่วนร่วมของผู้คน ให้ความสำคัญต่อการยึดหลักนิติรัฐมากกว่าการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จแก้ปัญหา
นักการเมืองและพรรคการเมืองไทยที่จะกระโจนเข้าสู่สนามการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น จึงต้องให้ความสำคัญการก่อกำเนิดขึ้นด้วยแรงสนับสนุนจากพลเมือง ไม่ใช่การระดมไพร่พลเพียงเพื่อหวังผลชัยชนะ และหวังจะเป็นรัฐบาลเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดนโยบายต้องมีรูปธรรมจับต้องได้ สามารถสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงการใช้ทรัพยากร ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นที่สถานการณ์รวยกระจุกจนกระจายขยายวงมากยิ่งขึ้น ฯลฯ
กล่าวได้ว่าการดำเนินนโยบายของรัฐบาลปัจจุบันซึ่งหมายมั่นจะอยู่ยาวต่อไปอีกมากกว่าหนึ่งสมัย ไม่ได้ตอบโจทย์การแก้ปัญหาสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความยากจนให้เกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ การออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยให้มีขีดความสามารถการทำธุรกิจไม่ได้เข้มข้นจริงจัง และมีประสิทธิภาพ
มากกว่านั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงระยะ 4 ปีมานี้สังคมไทยไม่ได้ปลอดการทุจริตดังที่ประชาชนคาดหวัง แต่หากลงลึกไปดูในรายละเอียดกลับพบวิธีการทุจริตในโครงการต่างๆ ของรัฐที่แยบยลมากยิ่งขึ้น มีการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใหญ่ที่ใกล้ชิดรัฐบาลเพียงกลุ่มเดียว ในขณะที่ประชาชนรากหญ้าในทุกภูมิภาคยังได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส
บทเรียนการเมืองประเทศมาเลเซียจึงสามารถเตือนสติให้เราได้ตระหนักด้วยว่าการขจัดนักการเมืองหรือพรรคการเมืองที่ไร้ประสิทธิภาพนั้นต้องใช้ความอดทนไม่ย่อท้อ ต้องให้ความสำคัญต่อนโยบายการแก้ปัญหา
อีกทั้งรัฐบาลที่ดีต้องให้สิทธิพลเมืองในการตรวจสอบการใช้อำนาจอันมิชอบ ไม่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน และต้องเคารพการแสดงความคิดเห็นอันเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานในสังคมประชาธิปไตย
พรรคการเมืองหรือรัฐบาลที่เสพติดอำนาจ ลุแก่อำนาจ มุ่งจะเท่าทันโลกโดยกลไกระบบราชการ แต่ไม่รู้จักโลกแห่งความเป็นจริง ท่องคาถายึดหลักกฎหมาย แต่ใช้กลไกรัฐเอื้อการใช้อำนาจ สมควรต้องถูกลงโทษจากพลังประชาชน ซึ่งชาวมาเลย์ได้ให้บทเรียนสำคัญเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้ แม้พวกเขาต้องใช้ระยะเวลารอคอยอย่างยาวนานก็ตาม


