posttoday

เสียงร้องเล็กๆ จากหัวใจที่เว้าแหว่ง

22 เมษายน 2561

เวลาสั้นๆ ในวันสุดสัปดาห์ตลอด 2 ปี ที่ใช้ร่วมกับคนตัวเล็กผู้ที่ยังไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของตนเองได้อย่างชัดเจนทำให้เรามองโลกในมุมมองที่เปลี่ยนไป...

โดย ดร.เพียงออ เลาหะวิไลย

เวลาสั้นๆ ในวันสุดสัปดาห์ตลอด 2 ปี ที่ใช้ร่วมกับคนตัวเล็กผู้ที่ยังไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของตนเองได้อย่างชัดเจนทำให้เรามองโลกในมุมมองที่เปลี่ยนไป...

เราในที่นี้หมายถึง “เชกา” (ผู้เขียน) กับเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจิตเวชเด็กได้เริ่มทดลองใช้ดนตรีเป็นเครื่องมือในการบำบัดปัญหาการควบคุมอารมณ์ สมาธิสั้น ซึมเศร้า ออทิสติก และความซับซ้อนในจิตใจที่บอบบางของคนตัวเล็กที่มีอายุตั้งแต่ 4 ขวบขึ้นไป หลายกรณีพบว่า พฤติกรรมของพ่อแม่นั่นแหละเป็นเหตุให้ลูกมีความเครียดและจิตใจผิดปกติ เพราะพ่อแม่ส่งต่อ “ตัวตนด้านลบ” ของตนเองมาที่ลูก...

บางคนมาครั้งแรกด้วยจิตใจขาดรุ่งริ่งเว้าแหว่งจากปัญหาครอบครัวแตกแยก เช่น น้องดาน่ากับลาล่า (นามสมมติ) สองพี่น้องลูกครึ่งแม่ไทยพ่อต่างชาติ พ่อแม่ทะเลาะกันทุกวันเพราะพื้นฐานวัฒนธรรมและความรู้แตกต่างกันมาก เป็นเช่นนี้นานปีจนมีผลกระทบต่อจิตใจเด็กเพียงแค่ 8 ขวบกับ 5 ขวบ คนพี่รับรู้ปัญหาได้มากกว่าก็อาการหนักกว่า ผอมเกร็ง ซึมเศร้าหน้าตาอมทุกข์ ไม่ร่าเริงตามวัย ไม่ยอมเปิดใจให้ใคร

แต่คนน้องยังไม่ประสีประสาจึงมีปัญหาน้อยกว่า... บางคนอายุแค่ 5 ขวบ แต่สับสนในความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับหญิงอีกมากหน้าหลายตาที่ไม่ใช่แม่ตนเอง ...บางรายที่มาเพราะคุณย่าเป็นห่วงว่าหลานชายตัวเล็กจะมีปัญหาดื้อรั้นก้าวร้าว แม้พามาถึงที่แล้วแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลยเพราะพ่อที่มาด้วยก็ก้าวร้าว เห็นหลักฐานคาตาหน้าสตูดิโอเลยว่าใช้อำนาจกับลูกจนลูกปฏิเสธที่จะทำอะไรทุกอย่าง...

ทว่า หลายคนมีพื้นฐานครอบครัวที่ดีมาก เรียกว่า “พกบุญมาเกิด” ไม่ขาดแคลนอะไรเลย พ่อแม่เป็นอัจฉริยะอาชีพการงานดีเป็นแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ อาจารย์มหาวิทยาลัย เพียบพร้อมทั้งสติปัญญาและฐานะถ่ายทอดสู่ลูก แต่กลับมีการเลี้ยงดูด้วยเทคโนโลยี ให้ใช้แท็บเล็ต-มือถือ เล่นเกมใช้ชีวิตกับโลกเสมือนจริงตั้งแต่เล็ก ทำให้นั่งนิ่งๆ สักแค่ครึ่งนาทีก็ไม่ได้ สมาธิขาดกระเจิง ซุกซนวิ่งออกจากห้องเรียนเสมอๆ

ครูอนุบาลไม่เข้าใจ เรียกเด็กน้อยว่า Bad boy ซะอีก แต่ละคนจึงมีเหตุปัจจัยหลายส่วนประกอบและแตกต่างกันที่ต้องแก้ไปทีละเรื่อง... หลายกรณีหลายปัญหาที่เข้ามาทำให้เราเห็นคล้อยตามสัจธรรมที่ว่า แต่ละคนมีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม และมีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย จริงๆ ค่ะ

เสียงร้องเล็กๆ จากหัวใจที่เว้าแหว่ง

ในสตูดิโอดนตรีเล็กๆ ของเราจึงมีกระบวนการวิเคราะห์ปัญหาปัจจัยแวดล้อมและวิธีการบำบัดออกแบบให้แต่ละคนไม่เหมือนกัน ใช้การเรียนเปียโนสร้างสมาธิก่อน เมื่อเกิดสมาธิจดจ่อในเปียโนแล้ว ต่อไปก็จะสามารถมีสมาธิในการศึกษาเล่าเรียนได้ในอนาคต

นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายในการสร้างพื้นที่เล็กๆ ในหัวใจเด็กๆ ให้เป็นพื้นที่แห่งความชอบ ความสุข ความรัก และความเชื่อใจในมนุษย์ผ่านดนตรีเพื่อสร้างความมั่นคงในจิตใจของเด็ก ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีหัวใจดวงเต็มๆ ไม่เว้าแหว่ง และสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตลอดชีวิตได้

ที่เล่าเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะในช่วงที่เดินทางไปกรุงโซลครั้งล่าสุด ได้ไปฟังอาจารย์เกาหลีจากมหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่งบรรยายเรื่อง “ปัญหาสังคมในเกาหลี” เป็นเรื่องสะท้อนปัญหาที่เกิดกับจิตวิญญาณของคนในสังคมที่มีความเจริญทางวัตถุกับจิตใจที่ไม่สมดุลกัน... ฟังจบแล้วมันช่างอึดอัดมืดมัวสะท้านใจนัก

เรื่องมีอยู่ว่า...ในเกาหลีมีประชากรที่มีความผิดปกติทางร่างกาย หรือทางจิตใจ อยู่ราว 2.4 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มเยาวชนวัยเรียนอยู่ราว 89,353 คน ที่ต้องการสถานศึกษาที่มีความพร้อมทั้งสถานที่และบุคลากรเพื่อให้การศึกษาแก่เด็กพิเศษที่มีความผิดปกติทางกายหรือใจ ทว่า โรงเรียนเฉพาะสำหรับเด็กพิเศษมีจำกัด และสามารถรองรับเด็กได้เพียง 30% ดังนั้นราว 70% ของเด็กกลุ่มนี้จึงไปเข้าเรียนร่วมกับเด็กปกติในโรงเรียนทั่วไปซึ่งมีอยู่ประจำทุกเขต นับว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อทุกฝ่ายที่จะได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคม เพราะเมื่อเด็กพิเศษเติบโตสู่สังคมแล้ว ทั้งคนพิเศษและคนปกติจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมให้ได้

ทว่า ในความเป็นจริง มีโรงเรียนปกติจำนวนน้อยที่จะจัดให้เด็กพิเศษได้เรียนร่วมห้องกับเด็กปกติจริงๆ ส่วนใหญ่จะรวมห้องพิเศษเฉพาะเด็กพิเศษให้เรียนด้วยกัน ไปๆ มาๆ กลายเป็นห้องเด็กแปลกแยกที่ไม่ได้มีประสบการณ์เรียนร่วมกับคนธรรมดาทั่วไป กลายเป็นตัวประหลาด ถึงมีความผิดปกติเพียงเล็กน้อย เช่น เป็นออทิสติก ระดับอ่อน ในสังคมเกาหลีก็ถือว่าเป็นเด็กผิดปกติ... พ่อแม่เด็กปกติส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องการให้ลูกคบหากับเด็กพิเศษ พ่อแม่เด็กพิเศษก็มักเป็นห่วงว่าลูกจะต้องถูกโดดเดี่ยว ไม่มีเพื่อน ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดการเรียกร้องให้สร้างโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษเพิ่มขึ้น

เสียงร้องเล็กๆ จากหัวใจที่เว้าแหว่ง

ระบบการศึกษาของเกาหลีกระจายโรงเรียนไปสู่ทุกชุมชน เด็กๆ ไม่ต้องไปเรียนไกลบ้าน ทว่า โรงเรียนของเด็กพิเศษมีน้อยและอยู่ไกลบ้าน ต้องนั่งรถแท็กซี่เฉพาะผู้พิการ ไป-กลับ เป็น 100 กม. ดังนั้น รัฐบาลจึงมีโครงการสร้างโรงเรียนเด็กพิเศษเพิ่ม...ทว่า กลายเป็นเรื่อง “ช็อก” ทั่วประเทศเลยค่ะ... เมื่อชาวบ้านในเขตหนึ่งในกรุงโซลที่จะสร้างโรงเรียน เดินขบวนประท้วงไม่ให้สร้าง เพราะเกรงว่า เมื่อมีโรงเรียนเด็กพิเศษมาตั้งอยู่ใกล้ๆ แล้ว จะทำให้ราคาที่ดินตกต่ำลงไปอีก เนื่องจากคงไม่มีใครอยากจะมาอยู่ในชุมชนที่มีโรงเรียนนั้น !    

...เราช่างโชคดีที่เกิดมาในขอบเขตประเทศไทย มีความเจริญทางศาสนาและจิตใจที่เอื้อเฟื้อให้เกิดวัฒนธรรมอันมีน้ำใจที่ดีงาม... น้ำใจเยี่ยงนี้แหละจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปัญหาของคนกลุ่มน้อยที่มีเสียงร้องดังแค่เบาๆ แค่เสียงแมว จะได้รับการดูแลแก้ไขค่ะ...

ข่าวล่าสุด

ขนส่ง เตือน! รถติดถุงลมนิรภัยทาคาตะ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เช็ก-เปลี่ยนฟรี