posttoday

สภาตรายาง

21 เมษายน 2561

สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ชุดปัจจุบัน แม้จะมาจากการแต่งตั้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ชุดปัจจุบัน แม้จะมาจากการแต่งตั้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่รัฐธรรมนูญได้รับรองให้เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงําใดๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ซึ่งการยืนยันเกียรติและศักดิ์ศรีของ สนช.ว่าไม่ได้เป็นสภาลากตั้งอย่างที่ใครกล่าวหา

บทบัญญัติรับรองสถานะของ สนช.ดังกล่าว ควรเป็นเครื่องเตือนใจให้สมาชิก สนช.ทุกคนต้องทำหน้าที่ให้สมกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ แต่มาถึงเวลานี้ สนช.กำลังกระทำการที่สวนทางกับรัฐธรรมนูญอย่างสิ้นเชิง กรณีมีมติเสียงข้างมาก 118 คะแนน เพื่อไม่เลือกผู้สมัครคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา

ท่ามกลางเสียงข้อครหา สนช.ทำตามใบสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เนื่องจากได้มีการเผยแพร่คลิปเสียง โดยระบุว่าเป็นการประชุมวิป สนช. ซึ่งช่วงหนึ่งมีการพูดถึงการโหวตคว่ำบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กสทช. โดยอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่พอใจบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อ

อย่างไรก็ตาม การมีมติดังกล่าวของ สนช.ยังทำให้เกิดประเด็นในทางกฎหมายขึ้นมาทันทีว่า สนช.สามารถมีมติในลักษณะนั้นได้หรือไม่

ทั้งนี้ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 วางหลักการไว้ว่า เมื่อคณะกรรมการสรรหาได้ดำเนินการสรรหาและเสนอบัญชีรายชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งเป็นจำนวน 2 เท่าในแต่ละด้าน คือ 14 คน มายัง สนช.ในฐานะทำหน้าที่เป็นวุฒิสภาแล้ว สนช.มีหน้าที่ต้องเลือกให้เหลือด้านละ 1 คน รวมเป็น 7 คน

บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวเป็นการตอกย้ำว่าเมื่อมีการสรรหาเสร็จแล้ว สนช.ต้องเดินหน้าลงมติเลือกเท่านั้น ซึ่งต่างจากกรณีของการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจนว่า สนช.มีสิทธิไม่ให้ความเห็นชอบได้

ปัญหาตรงนี้ การประชุม สนช.เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ได้มีสมาชิก สนช.อภิปรายท้วงติงเอาไว้ว่าหาก สนช.ไม่เลือกบุคคลในบัญชีรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาเสนอ อาจมีผลให้ สนช.ทำผิดกฎหมายเสียเอง แต่กลับถูกทัดทานด้วยวิป สนช. ว่า สนช.ยังไม่สมควรเลือก กสทช.ตามบัญชีรายชื่อที่เสนอเข้ามา เพราะคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ตรวจพบว่าผู้ผ่านการสรรหาจำนวน 8 คน มีคุณสมบัติไม่ครบ ก่อนที่ สนช.จะเห็นด้วยกับวิป สนช. และมีมติล้มการเลือก กสทช.ในที่สุด

เหตุผลของการล้มการเลือก กสทช.ครั้งนี้ ยังไม่อาจรับฟังได้ เพราะหน้าที่ในการวินิจฉัยคุณสมบัติของบุคคลที่ผ่านการสรรหา ควรเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลปกครอง แต่เมื่อ สนช.มาตัดสินใจ ย่อมทำให้เกิดคำถามว่า สนช.ในฐานะผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติกำลังตั้งตนเองเป็นศาลเสียเองหรือไม่

สนช.เป็นหนึ่งในแม่น้ำ 5 สาย ที่กำลังนำพาประเทศไปสู่การปฏิรูปประเทศด้วยการใช้กฎหมายเป็นกลไกสำคัญเพื่อช่วยให้ชาติไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ แต่เวลานี้ สนช.กลับมีพฤติกรรมสีเทาที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายเสียเอง แล้วอย่างนี้จะไปหวังให้ออกกฎหมายเพื่อมาปฏิรูปประเทศได้อย่างไร

ทางที่ดี สนช.ต้องเร่งเคลียร์เรื่องนี้ให้กระจ่างโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นภาพลักษณ์ของ สนช.ชุดนี้คงหนีไม่พ้นสภาตรายาง

ข่าวล่าสุด

ไทยเบฟคว้า 2 รางวัลอาหารจากเวที RED TABLE AWARDS 2025