posttoday

ปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย โรงเรียนชายแห่งแรกของล้านนา

15 เมษายน 2561

ปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย เป็นโรงเรียนชายแห่งแรกของล้านนา ก่อตั้งมาแล้ว 112 ปี

โดย สมาน สุดโต

ปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย เป็นโรงเรียนชายแห่งแรกของล้านนา ก่อตั้งมาแล้ว 112 ปี แต่ผมเพิ่งมีโอกาสเห็นของจริงวันที่ 16 มี.ค. 2561 เมื่อกลุ่มแปล และเรียบเรียงสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร เชิญให้ร่วมคณะ ในโครงการฝรั่งในล้านนา โดยมี ประนอม คลังทอง รองอธิบดีกรมศิลปากร ร่วมคณะตลอดโครงการ

โรงเรียนชายแห่งแรกในล้านนา

ปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย โรงเรียนชายแห่งแรกของล้านนา

โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ตั้งอยู่ที่ถนนแก้วนวรัฐ ต.วัดเกต อ.เมืองเชียงใหม่ เป็นโรงเรียนแบบตะวันตกสำหรับเด็กชายแห่งแรกของล้านนา ก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 มี.ค. ในปี ค.ศ. 1887 (พ.ศ. 2430) โดยศาสนาจารย์เดวิด กอร์มเลย์ คอลลินส์ มิชชันนารี คณะอเมริกันเพรสไบทีเรียน แต่เดิมตั้งอยู่ทิศตะวันตกของแม่น้ำปิง ที่บ้านวังสิงห์คำ เรียกว่า Chiengmai Boys’ School แต่รู้จักทั่วไปในนามโรงเรียนชายวังสิงห์คำ สอนโดยใช้ภาษาล้านนาเป็นหลัก พร้อมกับเรียนพระคัมภีร์ควบคู่ไปด้วย ต่อมาย้ายมาฝั่งตะวันออกของแม่น้ำปิง เพราะที่เดิมแคบ

ส่วนชื่อที่รู้จักในปัจจุบัน เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ครั้งที่ดำรงพระราชอิสริยยศ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งเสด็จมาวางศิลาราก อาคาร บัทเลอร์ เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2449

ศาสนาจารย์แฮรีส ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ต่อจากศาสนาจารย์คอลลินส์ ได้พัฒนาโรงเรียนอย่างมาก เช่นเปลี่ยนจากการสอนด้วยภาษาล้านนา มาเป็นภาษาไทย เป็นต้น

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โรงเรียนถูกยึดเป็นของรัฐบาล มีชื่อใหม่ว่า โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคพายัพ เมื่อสงครามยุติ รัฐบาลคืนให้ โดยศาสนาจารย์เคนเนธ เอลเมอร์ แวลส์ เป็นผู้รับมอบ พร้อมทั้งรับตำแหน่งผู้จัดการโรงเรียน โดยมีอาจารย์หมวก ไชยลังการณ์ เป็นอาจารย์ใหญ่

ปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย โรงเรียนชายแห่งแรกของล้านนา

ปัจจุบันเป็นโรงเรียนสหศึกษา มีนักเรียนทั้งสิ้น 6,500 คน ครู 500 คน รับนักเรียนตั้งแต่ อนุบาล 3 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และอาชีพ เพราะโรงเรียนไม่เก็บแป๊ะเจี๊ยะ เมื่อจับสลากได้ก็มีสิทธิเรียน ส่วนค่าเทอมก็เก็บไม่มาก ตั้งแต่ 1 หมื่นบาทขึ้นไป แต่บางคนเรียนจบแล้วยังจ่ายค่าเทอมไม่หมดก็มี เพราะฐานะทางบ้านยากจน

จุดแรกที่ได้ชมพร้อมกับคณะ ได้แก่ พิพิธภัณฑ์บ้านแฮรีส โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย โดยมีนักเรียนหญิงมัธยมปลายของโรงเรียนเป็นไกด์ นำชมทั่วทุกห้องนิทรรศการ

อาคารที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ คือเรือนแฮรีส สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2448 เดิมเป็นบ้านพักและอาคารอำนวยการของศาสนาจารย์วิลเลียม แฮรีส ต่อมาได้ใช้เป็นอาคารดนตรี และห้องซ้อมดุริยางค์ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2523 เกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้เสียหายจนหมด โรงเรียนจึงได้ก่อสร้างบ้านแฮรีสขึ้นใหม่ในบริเวณที่ตั้งเก่า โดยอนุรักษ์สถาปัตยกรรมแบบเดิมไว้ทุกประการ และได้ทำพิธีเปิดบ้านหลังใหม่นี้เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2536 อาคารหลังนี้ได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในปี พ.ศ. 2539

เปิดพิพิธภัณฑ์

ปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย โรงเรียนชายแห่งแรกของล้านนา

ปี 2540 ทางโรงเรียนได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ ประกอบพิธีเปิด เมื่อวันที่ 2 ม.ค. ปี ค.ศ. 2000 (พ.ศ. 2543) เพื่อเป็นสื่อการเรียนรู้ของนักเรียน หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นของบ้านแฮรีสคือ ภาพเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่มีถึง 500 ภาพ รวมทั้งบันทึกประจำวันที่
มิชชันนารีรุ่นก่อนได้เก็บรักษาเอาไว้ จนเป็นข้อมูลที่สำคัญให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา

ในปี ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559) ได้มีการปรับปรุงพิพิธภัณฑ์บ้านแฮรีส ภายใต้แนวคิดที่ว่า “P.R.C Museum : Our History Our Pride” สรรค์สร้างให้พิพิธภัณฑ์บ้านแฮรีส เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต โดยการกำหนดจุดเน้นในการจัดแสดง ที่ปรับเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ มีการใช้เทคโนโลยีและด้วยการมีส่วนร่วมของนักเรียนปัจจุบันที่จะนำผลงานจากการสืบค้นและพัฒนามา จัดแสดงเล่าเรื่องราวแห่งความภาคภูมิใจในความเป็นปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย โดยมีการปรับปรุงในส่วนของงานปรับปรุงสถาปัตยกรรม งานปรับปรุงสีอาคาร งานปรับปรุงระบบแสงสว่างให้เหมาะสมกับการเข้าชมมากยิ่งขึ้น

โบสถ์เก่าแต่บูรณะใหม่

ปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย โรงเรียนชายแห่งแรกของล้านนา

ส่วนโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์น โกธิค โครงสร้างอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาจั่ว ภายในเพดานสูงตามรูปจั่ว รองรับด้วยโครงหลังคาแบบ Hammer-beam roof ที่ทำเป็นซุ้มโค้งแหลมซึ่งเป็นการนำเอาโครงสร้างอาคารมาเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งได้เป็นอย่างดียิ่ง ส่วนองค์ประกอบต่างๆ แสดงออกอย่างเรียบง่าย แต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่าและความศักดิ์สิทธิ์ สามารถจุคนได้ประมาณ 600 คน

ในปี ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) โบสถ์โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ได้มีการปรับปรุงบูรณะครั้งใหญ่ภายใต้โครงการโบสถ์นี้ที่เรารักษ์ โดยได้รับความร่วมมือจากทางโรงเรียน สมาคมนักเรียนเก่าฯ สมาคมครูผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อให้โบสถ์แห่งนี้จะได้ทำหน้าที่สืบสานปณิธานของผู้ก่อตั้งเป็นความภาคภูมิใจและความสง่างามและเป็นการถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าต่อไปตราบนานเท่านาน ซึ่งอาจารย์ที่มาบรรยายให้คณะของสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ฟังบอกว่า โบสถ์เป็นสถานที่บ่มเพาะคุณธรรม นำปัญญา ตามแบบอย่างที่คณะมิชชันนารีได้วางไว้

ข่าวล่าสุด

เสนอพรรคการเมือง 3 ทางออก ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ต้อง 'ห้ามซื้อขาย' เด็ดขาด