รถยนต์ใช้ในกิจการ
การประกอบธุรกิจส่วนใหญ่มีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์ในการประกอบกิจการ หากไม่ซื้อหามาใช้ก็ใช้วิธีเช่า หรือว่าจ้างเป็นครั้งคราว
โดย สมชาย ชูเกตุ
การประกอบธุรกิจส่วนใหญ่มีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์ในการประกอบกิจการ หากไม่ซื้อหามาใช้ก็ใช้วิธีเช่า หรือว่าจ้างเป็นครั้งคราว ควรคำนึงถึงรายจ่ายของรถยนต์แต่ละประเภท เพราะหากนำมาหักเป็นรายจ่ายหรือขอคืนภาษีที่ผิดพลาด เมื่อถูกตรวจอาจเสียภาษีเพิ่มเติม รวมถึงเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม
กฎหมายภาษีสรรพากรได้กำหนดให้รายจ่ายของรถยนต์ที่นำมาใช้ในกิจการ รวมถึงรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์นั้น สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้ รวมถึงการนำภาษีซื้อมาขอคืนภาษีหรือนำมาหักภาษีขาย
รถยนต์ที่ใช้ในกิจการมีหลายประเภท เช่น รถเก๋ง รถปิกอัพ รถบรรทุก รถยนต์โดยสารไม่เกิน 10 ที่นั่ง เป็นต้น กิจการใดจะใช้รถยนต์แบบใด ก็แล้วแต่ความจำเป็นของธุรกิจนั้น การหักรายจ่าย การขอคืนภาษีซื้อหรือนำภาษีซื้อมาหักภาษีขาย สำหรับรถยนต์ที่ใช้ในกิจการ สรุปได้ดังนี้
lการหักรายจ่าย ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
รถยนต์ที่กล่าวมาข้างต้นไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง รถปิกอัพ รถบรรทุก หรือรถยนต์โดยสารไม่เกิน 10 ที่นั่ง บริษัท ฯลฯ สามารถนำรายจ่ายที่เกิดขึ้นมาหักเป็นรายจ่ายได้ รายจ่ายได้แก่ มูลค่ารถยนต์ ดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์ ค่าขนส่ง ภาษีหรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ เป็นต้น รายจ่ายที่เกิดขึ้นเพื่อให้ได้รถยนต์มาใช้งานให้นำมารวมเป็นมูลค่าต้นทุนของรถยนต์นั้น กฎหมายไม่ให้หักเป็นรายจ่ายทั้งก้อนในปีเดียว แต่กำหนดให้หักเป็นค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาในแต่ละปีในอัตราไม่เกินร้อยละ 20 ของมูลค่าต้นทุนนั้น กล่าวคือ แบ่งหัก 5 ปี เป็นอย่างน้อย หักปีละไม่เกินร้อยละ 20
อย่างไรก็ตาม รายจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งรถยนต์นั่ง หรือรถยนต์โดยสารที่ไม่เกิน 10 ที่นั่ง ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายได้ไม่เกิน 1 ล้านบาทเท่านั้น หากซื้อหรือเช่าซื้อรถยนต์ราคาสูงกว่า 1 ล้านบาท จะนำมาหักค่าเสื่อมราคาได้เพียง 1 ล้านบาท หักค่าเสื่อมราคาได้ปีละไม่เกิน 2 แสนบาท สำหรับมูลค่าต้นทุนส่วนที่เกินกว่า 1 ล้านบาท ไม่สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายได้ (กิจการให้เช่ารถยนต์ สามารถนำมูลค่าต้นทุนรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่ไม่เกิน 10 ที่นั่ง ที่นำมาให้เช่า นำมาหักรายจ่ายได้ทั้งจำนวน) สำหรับรถยนต์ประเภทอื่นๆ หรือยานพาหนะอื่น สามารถนำมูลค่าต้นทุนรถยนต์มาหักรายจ่ายได้ทั้งจำนวน
lการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือนำภาษีซื้อมาหักภาษีขาย
ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถนำภาษีซื้อที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์บรรทุก รถยนต์ปิกอัพ รถยนต์โดยสารเกิน 10 ที่นั่ง ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต มาขอคืนภาษีซื้อหรือนำภาษีซื้อมาหักภาษีขายได้ แต่ภาษีซื้อของรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารไม่เกิน 10 ที่นั่ง ตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ไม่สามารถขอคืนภาษีซื้อหรือนำภาษีซื้อมาหักภาษีขายได้ แต่ภาษีซื้อดังกล่าวสามารถนำมาหักรายจ่ายเพื่อคำนวณกำไรสุทธิได้
ในการปฏิบัติงานจริง ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะมีภาษีซื้อที่เกี่ยวข้องในการใช้รถยนต์ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าซ่อมแซม เป็นต้น จะนำภาษีซื้อมาหักรายจ่ายได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นภาษีซื้อที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ประเภทใด สวัสดีครับ


