posttoday

อ่วม!ศาลปกครองสั่งขสมก.จ่ายพันล.ชดใช้เบสท์ริน

11 เมษายน 2561

ศาลปกครองสั่ง ขสมก.ชดใช้ให้เบสท์ริน 1,159 ล้านบาท กรณีเลิกสัญญาไม่รับมอบรถเมล์เอ็นจีวี พร้อมสั่งระงับการทำสัญญาซื้อรถเมล์เอ็นจีวี กับ ช.ทวี ชั่วคราว เหตุมติบอร์ดน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ศาลปกครองสั่ง ขสมก.ชดใช้ให้เบสท์ริน  1,159 ล้านบาท กรณีเลิกสัญญาไม่รับมอบรถเมล์เอ็นจีวี  พร้อมสั่งระงับการทำสัญญาซื้อรถเมล์เอ็นจีวี กับ ช.ทวี ชั่วคราว เหตุมติบอร์ดน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2561 ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ  (ขสมก.) ชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด  บริษัท อาร์ แอนด์ เอ คอมเมอร์เชียล วิฮีเคิลส์ เอสดีเอ็น. บีเอชดี.  บริษัท รถยนต์เซินหลง (เซี่ยงไฮ้) จำกัด และบริษัท เทคโนโลยีพลังงานใหม่เป่ยฟังกวางโจว  จำกัด เนื่องจากบอกเลิกสัญญาจัดซื้อจัดจ้างรถยนต์โดยสารปรับอากาศเอ็นจีวี และค่าบำรุงรักษา จำนวน 489 คัน โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นเงิน 1,159,969,552.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้น 1,147,831,350.06 บาท นับถัดจากวันที่ 7 มิ.ย. 2560 ซึ่งเป็นวันฟ้องคดีเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ และให้ ขสมก.ส่งมอบหนังสือค้ำประกันของธนาคาร ไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) ลงวันที่ 30 ก.ย. 2559  จำนวน 547,427.71 บาท คืนแก่บริษัท เบสท์ริน กับพวก ภายใน 60 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด หากคืนไม่ได้ ให้ชดใช้เป็นเงินตามจำนวนหนังสือค้ำประกันดังกล่าว

ทั้งนี้ ศาลให้เหตุผลว่า   การที่ ขสมก.อ้างสิทธิตามข้อ 21 ของสัญญาที่ว่า  ขสมก.มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันที หากบริษัทเบสท์ริน ส่งมอบรถไม่ครบตามจำนวนที่กำหนดในสัญญา  และมีสิทธิริบหลักประกัน รวมทั้ง สิทธิเรียกค่าเสียหายจากบริษัทได้นั้น  เป็นการขัดแย้งกับข้อเท็จจริง ที่คณะกรรมการตรวจสอบรับและทดสอบรถเมล์ เอ็นจีวี มีมติให้มีการส่งมอบรถเมล์ เอ็นจีวี เป็นงวด ๆ ได้ จึงเป็นข้ออ้างที่ไม่อาจรับฟังได้  การบอกสัญญาจึงไม่ชอบด้วยมาตรา 387 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ส่วนที่ ขสมก.อ้างว่า รถเมล์เอ็นจีวีดังกล่าว ไมได้เป็นรถนำเข้าสำเร็จรูปทั้งคันจากประเทศจีน หรือ เป็นรถที่ประกอบในประเทศไทย  แต่เป็นรถที่ประกอบขึ้นที่ประเทศมาเลเซียนั้น ศาลเห็นว่า จากประกาศของ ขสมก. เรื่องการจัดซื้อรถเมล์ เอ็นจีวี พร้อมซ่อมแซมและบำรุงรักษา ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2559  มีเจตนารมณ์ในการจัดซื้อ  ที่มิได้ถือแหล่งผลิต หรือแหล่งประกอบรถเมล์ เอ็นจีวี เป็นสาระสำคัญ   ดังนั้น การที่ ขสมก.อ้างว่า บริษัท เบสท์ริน กับพวก เป็นฝ่ายผิดสัญญา และสามารถบอกเลิกสัญญาตามกฎหมายได้ จึงไม่อาจรับฟังได้  จึงพิพากษาให้ ขสมก.ชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าว

นอกจากนี้ ศาลปกครองกลางยังได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ในคดีที่บริษัท สยาม สแตนดาร์ด เอนเนอจี้ จำกัด ซึ่งเป็นผู้เข้าร่วมประมูลโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี  489 คัน  หลังจากที่   ขสมก.ยกเลิกสัญญาจัดซื้อรถเมล์จำนวนดังกล่าวจากบริษัท เบสท์รินแล้ว ได้ยื่นฟ้อง ขสมก. และคณะกรรมการบริหารกิจการ ขสมก. (บอร์ด ขสมก.)  กรณีบอร์ด ขสมก. มีมติในการประชุมครั้งที่ 16/2560  ให้ ขสมก.ทำสัญญาจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 489 คัน วงเงิน 4,221 ล้านบาทเศษ จาก กลุ่มทำงาน  SCN-CHO โดยบริษัท ช. ทวี  จำกัด (มหาชน) และบริษัท สแกนอินเตอร์จำกัด (มหาชน) 

เนื่องจากศาลเห็นว่า มติบอร์ด ขสมก.ในการประชุมครั้งที่ 15  /2560 วันที่ 18 ธันวาคม 2560 และการประชุมครั้งที่ 16/2560 วันที่ 20 ธันวาคม 2560  น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย  เพราะปรากฏข้อเท็จจริงจากพยานว่า  ในการประชุมทั้ง 2 ครั้งดังกล่าว ไม่มีการลงมติอนุมัติให้ ขสมก.เข้าทำสัญญา และไม่มีการรับรองรายงานการประชุมดังกล่าว จึงสั่งมิให้ ขสมก.และบอร์ด ขสมก. นำมติดังกล่าวไปดำเนินการใดที่มีผลผูกพันกับ ขสมก.และบอร์ด ขสมก.เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ภาพประกอบข่าว