ขายตรงต่างชาติรุกไทย สมาคมคาด3รายใหม่แห่เปิดตัวดันธุรกิจโต5%

สมาคมการขายตรงไทย ชี้ผู้ประกอบการต่างชาติอย่างน้อย 3 รายจะบุกไทย คาดดันภาพรวมขายตรงปีนี้โต 5% สูงสุดในรอบ 4 ปี

น.ส.สุชาดา ธีรวชิรกุล นายกสมาคมการขายตรงไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจขายตรงในประเทศไทยปี 2561 คาดว่า จะมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 5% หรือมีมูลค่า อยู่ที่ 9.94 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนมี มูลค่าอยู่ที่ 9.46 หมื่นล้านบาท ปัจจัย การเติบโตของเศรษฐกิจที่เป็นปัจจัยบวกส่งผลให้ตลาดมีการเติบโต รวมถึงการเริ่ม ปรับตัวของผู้ประกอบการขายตรงในประเทศไทยรองรับกระแสดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ อีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจขายตรงไทยเติบโตมาจากผู้ประกอบการขายตรงต่างชาติ ซึ่งเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่สนใจลงสู่ตลาดในประเทศไทยเตรียมลงสู่ตลาดในประเทศไทยภายในปีนี้อย่างน้อย 3 ราย จากประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป และอินเดีย จึงคาดว่าจะส่งผลให้ตลาดเติบโตไปถึงระดับดังกล่าว

ขณะที่นักธุรกิจขายตรงต่างชาติมองธุรกิจขายตรงในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีจากการตอบรับของผู้บริโภคที่มีความเข้าใจและเปิดรับผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์ความงามและดูแลผิว อีกทั้งในภูมิภาคนี้สวัสดิการการดูแลของภาครัฐยังมีไม่มากนักจึงส่งผลให้ประชาชนมองการทำธุรกิจเพื่อรองรับการเกษียณอายุด้วยตัวเอง ประกอบกับแผนธุรกิจของบริษัทต่างๆ นั้น มองการเจริญเติบโตนอกประเทศเป็นโอกาสสำคัญในการผลักดันธุรกิจให้บรรลุเป้าหมาย ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวจึงมองว่าภูมิภาคเอเชียเป็นภูมิภาคที่เหมาะสมในการขยายธุรกิจโดยเฉพาะประเทศไทย

"ย้อนกลับไป 4 ปี (2557-2560) ภาพรวมธุรกิจขายตรงไทยมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 1-3% เท่านั้น โดยเฉพาะในปี 2560 ที่ภาพรวมธุรกิจขายตรงมีอัตราเติบโต 1.4% ซึ่งแม้ว่าเศรษฐกิจจะยังไม่มีความชัดเจน แต่ภาพรวมธุรกิจมีการเติบโตนั้นถือได้ว่า เป็นที่น่าพึงพอใจ" น.ส.สุชาดา กล่าว

นอกจากนี้ 3 อันดับผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนยอดขายสูงสุดในตลาดคือ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม 45% ของตลาด 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามและดูแลผิว (สกินแคร์) 24% ของตลาด และ 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์ภายในบ้าน 11% ของตลาด ซึ่งในปีนี้เชื่อว่า 3 อันดับผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายสูงสุดยังคงเป็น 3 กลุ่มดังกล่าว

สำหรับปีที่ผ่านมานักธุรกิจเครือข่ายในประเทศไทยมีปริมาณอยู่ที่ 11.2 ล้านคน เติบโตขึ้นจากปีก่อนที่ 0.4% ล่าสุดปรับการจัดเก็บข้อมูลโดยอัพเดทสมาชิกที่ยังมีความเคลื่อนไหวและตัดสมาชิกที่ไม่มีการเคลื่อนไหวออกเพื่อแสดงให้เห็นถึงตัวเลขที่แท้จริง โดยขณะนี้ปัจจัยกระแสธุรกิจออนไลน์ยังไม่มีผลกระทบต่อการเพิ่มจำนวนนักธุรกิจขายตรง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการเพิ่มจำนวนของนักธุรกิจขายตรงกลุ่มวัยรุ่นที่ปัจจุบันอยู่ที่ 8-10% ของทั้งหมด เชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 12% ภายในปีนี้ สะท้อนให้เห็นความต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจของกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง