posttoday

สร้างเงินล้านก่อนเรียนจบ คุณก็ทำได้!

04 เมษายน 2561

การมีเงินล้านบาทแรกจะไม่ใช่เรื่องยากเลย หากเราคิด มีเป้าหมายแล้วลงมือทำอย่างจริงจัง ตั้งใจ ด้วยวิธีการที่เราเชื่อว่าจะพาเราไปได้

โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

คนทุกคนล้วนมีฝันของตัวเอง หนึ่งในฝันยอดฮิตของคนเดินดิน คืออยากมีโอกาสสัมผัสเงินล้านกับเขาบ้าง แต่ถ้าแค่ฝันแล้วปล่อยลอยไป เงินล้านก็ไม่ลอยมาหาเราเอง เว้นแต่โชคดีถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 แบบฟลุกๆ แต่หากจะให้ดี ต้องลงมือทำเองให้ฝันจับเงินล้านเป็นจริงได้ ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องรอเรียนจบเท่านั้น เชื่อหรือไม่ว่าอยู่ในวัยเรียนเราก็สร้างฝันมีเงินล้านบาทให้เป็นจริงได้แล้ว

อภิรักษ์ ชื่นอยู่ หรือ โค้ชรักษ์ ซึ่งเป็นโค้ชจากซุปเปอร์ เทรดเดอร์ ไทยแลนด์ และเจ้าของเพจ “ฅนเล่นหุ้น” ได้มาแลกเปลี่ยนมุมมองของตัวเองในหัวข้อ “สร้างเงินล้าน ก่อนเรียนจบ!” ภายในงานตลาดนัด บินคุ้ม คุณภาพครบ ที่หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์จับมือกับสายการบินไทยแอร์เอเชียจัดขึ้น ที่หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29-31 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยโค้ชรักษ์ระบุว่า คำว่าเงินล้านนั้น บางคนได้ยินแล้วอาจจะมองเป็นเรื่องไกลตัว แต่กับบางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว

เช่นเดียวกันที่บางคนอาจจะมองว่า การได้มาซึ่งเงินล้านบาทแรกเป็นเรื่องยากมาก แต่บางคนก็อาจจะมองว่าเงินล้านบาทแรกหามาได้ง่ายมาก เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่แล้วแต่คนจะมอง แต่สิ่งที่เป็นข้อแตกต่างระหว่างคนที่มีมุมมองว่าทำได้ง่ายหรือทำได้ยากนั้น คือ ขนาดของการกระทำ หรือสเกลที่ใช้ในการเล่น

สมมติ ถ้าเราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องมีเงิน 1 ล้านบาทให้ได้ ก็หมายความว่าการทำไปให้ถึงเป้าหมายนั้นมีตั้งแต่เริ่มจากหนึ่งถึงล้านบาท สมมติถ้าขายของชิ้นละ 1 บาท ก็ต้องขาย 1 ล้านชิ้น จึงจะได้ ขายชิ้นละ 10 บาท ก็ขาย 1 แสนชิ้น ขายชิ้นละ 100 บาท ก็ต้องขาย 1 หมื่นชิ้น หรือถ้าขายชิ้นละ 1 ล้านบาท ก็ขายเพียงชิ้นเดียวแล้วถึงเป้าหมายเลย

ความหมายที่ต้องการจะบอกคือ การที่เราทุกคนตั้งเป้าหมายเอาไว้ ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะทุกคนควรมีเป้าหมาย แต่ว่าควรตั้งเป้าหมายให้ใหญ่ไว้ก่อน และใช้การกระทำที่ใหญ่ตาม เช่น ถ้าตั้งเป้า 1 ล้านบาท หากไปเริ่มต้นจากการทำอะไรที่มูลค่าน้อยๆ ก็จะไปถึงเป้าหมายได้ช้า

สำหรับโค้ชรักษ์เป็นหนึ่งคนที่ไปถึงเป้าหมายเงิน 1 ล้านบาทได้ในเวลาไม่นานตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเรียน จุดเริ่มต้นมาจากสมัย ม.6 อยากทำริสต์แบนด์โรงเรียน ในโอกาสฉลองครบ 100 ปีโรงเรียนไว้ใส่เอง ก็เลยทำออกมาขายราคา 100 บาท ซึ่งเป็นการทำเพราะอยากได้เอง ไม่ใช่เพราะอยากขายหรืออยากได้เงิน

เวลานั้นโรงเรียนมีนักเรียนกว่า4,000 คน จากที่มีคนสนใจมาถาม อยากสั่งซื้อด้วยทีละคน ก็ใช้วิธีให้คนที่สนใจไปถามหัวหน้าห้องว่ามีใครในห้องต้องการบ้างแล้วสั่งมาทีละห้อง สุดท้ายมียอดสั่งทั้งโรงเรียนกว่า 2,000 ชิ้น เป็นการขายแบบมีคำสั่งซื้อก่อนล่วงหน้า

จบจากการขายก็ได้กำไรครึ่งหนึ่งของราคาแต่ละชิ้นที่ขายได้ รวมแล้วก็เป็นเงินกว่า 1 แสนบาท และอีกสิ่งที่ได้นอกเหนือจากกำไรก็คือ ทำให้ความคิดเปลี่ยนไป จากเดิมเคยคิดว่าคนเราหาเงินได้จากการทำงานประจำเท่านั้น เงินเดือนเริ่มแรกอยู่ที่ 1.5 หมื่นบาท ก็ทำให้ได้คิดว่าคนเราจะหาเงินได้เท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถ ดังนั้นการทำงานต่อจากนั้นไป ก็จะต้องเป็นการทำงานที่ได้เงินตามความสามารถ ตามผลงาน และที่สำคัญต้องได้ทำงานกับคนที่มีความสามารถด้านนั้นๆ

หลังได้มุมมองใหม่ๆ และโค้ชรักษ์ก็เข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ประกอบกับกำไรที่ได้จากการทำริสต์แบนด์ หักเงินที่นำไปใช้จ่ายแล้วก็เหลือเก็บอยู่ก้อนหนึ่ง จึงเริ่มไปหาอ่านหนังสือเพื่อหาลู่ทางให้เงินทำงาน หรือที่เรียกว่าการสร้างแพสซีฟ อินคัม ซึ่งช่วงนั้นเป็นคำยอดฮิตที่ได้ยินบ่อยมาก แล้วก็ไปเจอหนังสือชื่อ “การลาออกครั้งสุดท้าย” ซึ่งสิ่งที่ได้เจอจากในหนังสือคือคำว่า “หุ้น” เป็นที่มาให้โค้ชรักษ์เริ่มสนใจว่าหุ้นทำงานอย่างไร มีกระบวนการได้กำไรขาดทุนอย่างไร ทำไมคนจึงเล่นหุ้นแล้วเจ๊งหรือรวย

“ช่วงนั้นตรงกับปี 2556 ที่ดัชนีหุ้นขึ้นมาประมาณ 1,600 จุด ผมก็ปรึกษาคุณแม่ก่อนว่าอยากเล่นหุ้น ซึ่งคุณแม่ก็เตือนให้ระวังจะเจ๊งนะ เพราะคนในยุคคุณแม่ผ่านประสบการณ์ปี 2540 ช่วงต้มยำกุ้งมาก่อน ผมก็เริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นด้วยเงินน้อยๆ และสิ่งที่ได้มาในตอนแรกของการลงทุนคือ ความระมัดระวัง ทำอย่างไรก็ได้ให้ไม่เจ๊ง ซึ่งกระบวนการนี้เป็นที่มาของการศึกษา อ่านหนังสือ อ่านความรู้ทุกอย่าง ถึงวันนี้ผ่านมา 6 ปี ผมมีอาชีพหลักเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้น” โค้ชรักษ์ กล่าว

โค้ชรักษ์ ให้มุมมองน่าสนใจว่า สิ่งหนึ่งที่จะทำให้คนเราแตกต่าง คนเราจะไปถึงเป้าหมายได้หรือไม่ ก็คือความลุ่มหลงและรักในสิ่งที่ทำ (แพชชั่น) เช่น ตัวเขาเจอว่าหุ้นคือเส้นทางการลงทุนที่จะพาเขาไปถึงเป้าหมายเงินล้าน หลังเจอเส้นทางนี้ครั้งแรกแล้วรู้สึกว่าตอบโจทย์ของชีวิต ก็ฝึกฝนและปฏิบัติอย่างมากต่อเนื่องตลอด 6 ปี และการที่ฝึกเรื่องเดิมซ้ำๆ ก็เป็นที่มาที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ ไม่ใช่ได้มาเพราะโชค ดวง หรืออำนาจ

ทั้งนี้ โค้ชรักษ์ แนะนำว่า การวางแผน ใส่ใจและลงมือทำ คือส่วนสำคัญที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมาย ไม่ว่าคุณเป็นใครก็ตามจะไปทำงานด้านอะไรก็ได้ จะเป็นนักเขียน นักวาดการ์ตูนก็ได้ ขอเพียงให้ทำในสิ่งนั้นจนมีความเชี่ยวชาญ เพราะเมื่อคุณเชี่ยวชาญแล้วก็จะมีกลุ่มคนที่ยอมจ่ายราคาสูงเพื่อความเชี่ยวชาญของคุณ

“อะไรก็ได้ที่เราต้องการสร้างเงินจากมัน ขอให้ฝึกฝน ตรวจสอบ และทำซ้ำจนเกิดความเชี่ยวชาญแล้วจะมีบางสิ่งบางอย่างมาให้โอกาสเรา เช่น ผมตอนนั้นอายุ 18-19 ปี อยากเล่นหุ้น ก็ขวนขวายมาก อ่านหนังสือมาก เริ่มไปถาม ไปคุยกับผู้ใหญ่ที่เชี่ยวชาญอยู่ในวงการหุ้นมานาน 7-10 ปี และสร้างเงินจากการเล่นหุ้นได้ แล้ววันหนึ่งเขาก็เห็นความตั้งใจของเรา ดึงเราไปร่วมงานด้วย ช่วยสอนเรา สิ่งเหล่านี้เกิดได้ก็มาจากการที่เราทำมากก่อน เมื่อเราทำมากแล้วโอกาสก็จะมามากขึ้นเช่นกัน” โค้ชรักษ์ กล่าว

โค้ชรักษ์ ให้ข้อคิดว่า เขามีเพื่อนอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือคนที่คิดแล้วทำ อีกกลุ่มคือคนที่คิดแล้วแต่ไม่ได้ทำ ความแตกต่างก็คือ คนที่คิดแล้วทำ ได้เริ่มต้นสิ่งที่คิดไว้ในทันที แต่คนที่คิดแล้วไม่ได้ลงมือทำ ตั้งแต่วันที่คิดจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มต้นใดๆ เลย ซึ่งคนที่เริ่มต้นมาก่อนก็ถือว่ามีประสบการณ์มากกว่าคนที่ยังไม่เริ่มต้นเลย การสร้างเงินล้านบาทก็เช่นกัน

สิ่งที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้ไปถึงเงินล้านบาทได้ก็คือ หากคิดอะไรแล้วก็ต้องทำก่อน ส่วนจะทำอะไรนั้นเป็นโจทย์ที่แต่ละคนต้องไปหาเอง ไม่มีคำตอบตายตัวว่าต้องทำอาชีพนี้เท่านั้นแล้วจะมีเงินล้านบาท หรือจะรวย โจทย์นี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องตีให้แตก

“ไม่อยากให้มัวแต่มองที่อายุ หรือปริมาณเงิน แต่อยากให้มองที่วิธีการ คุณต้องเริ่มก่อน พอเริ่มแล้วก็จะเกิดการไปค้นหา ลองผิดลองถูกข้างหน้าเอง ทุกคนกว่าจะมายืนจุดที่ถึงเป้าหมายได้อย่างที่คนอื่นเห็นภาพเบื้องหน้าไม่ง่าย มีบางวันที่ท้อบ้าง เสียใจบ้าง แต่สุดท้ายหากคนนั้นยังทำในสิ่งที่คิดแล้วทำอยู่สม่ำเสมอ ก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้อยู่รอดจนถึงเป้าหมาย” โค้ชรักษ์ กล่าว

จะเห็นได้ว่า การมีเงินล้านบาทแรกจะไม่ใช่เรื่องยากเลย หากเราคิด มีเป้าหมายแล้วลงมือทำอย่างจริงจัง ตั้งใจ ด้วยวิธีการที่เราเชื่อว่าจะพาเราไปได้ แล้วสุดท้ายเงินล้านบาทก็จะมากองอยู่ตรงหน้าด้วยน้ำพักน้ำแรงและความตั้งใจของเราเอง ไม่ว่าจะในวัยไหนก็ตาม

ข่าวล่าสุด

KBANK ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% เงินฝาก 0.05-0.10%