โรคซึมเศร้าภัยใกล้ตัวมนุษย์เมือง
หากเอ่ยถึง “โรคซึมเศร้า” หลายคนคงคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว และไม่สนใจที่จะระแวดระวังป้องกัน
โดย วิรวินท์ ศรีโหมด
หากเอ่ยถึง “โรคซึมเศร้า” หลายคนคงคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว และไม่สนใจที่จะระแวดระวังป้องกัน แต่โรคที่ฟังดูแสนธรรมดานี้ ปัจจุบันคนไทยป่วยแล้วกว่า 1.5 ล้านคน และหากย้อนกลับไปดูผู้มีชื่อเสียงหลายคน เลือกจบชีวิตตัวเองด้วยโรคนี้มาแล้วก็มาก เช่น นักร้องนำวงร็อกระดับโลก Chester Bennington แห่งวง Linkin Park ที่จบชีวิตตัวเองในบ้านพัก สิงห์ มือกีตาร์ วงสควีซแอนิมอล พลัดตกคอนโดหรูย่านทองหล่อ ล่าสุด พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค พลัดตกกลางห้างดังย่านแจ้งวัฒนะ
ผู้เขียนอยากจะสื่อว่าด้วยปัจจัยหลายอย่างในสังคมยุคนี้ อาทิ การพัฒนาทางเทคโนโลยี สภาพสังคมการทำงาน การเรียน รวมถึงการใช้ชีวิต ทำให้ทุกคน โดยเฉพาะมนุษย์เมือง มีสิทธิเป็นโรคนี้ได้ง่าย หากเอ่ยเช่นนี้ คุณคงคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปใช่ไหม ดังนั้นจึงขอยกเคสผู้มีชื่อเสียงที่เคยสัมผัสกับโรคนี้ เพื่อมาถ่ายทอดประสบการณ์และแนวทางว่ามีวิธีรักษาอย่างไรให้หายจากโรคนี้ เพื่อผู้อ่านจะได้รู้วิธีจัดการหากต้องเผชิญกับมัน
บอย โกสิยพงษ์ นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดัง ผู้ทำให้คนที่ได้ฟังเพลงของเขามีความสุขและกำลังใจ เป็นอีกคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เขายอมรับว่าภาวะไม่ปกติทางจิตนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยไม่เลือกฐานะ
จุดเริ่มต้นเป็นโรคดังกล่าว ครั้งแรกเกิดจากเขาต้องเผชิญความเศร้า หลังสูญเสียคนในครอบครัวแบบต่อเนื่องในเวลาไม่กี่ปี ทำให้เขารู้สึกเศร้ากับชีวิต แม้ช่วงแรกจะเข้มแข็ง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ เขาจึงตัดสินใจไปพบจิตแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา ซึ่งก็ได้เริ่มรักษาด้วยวิธีการกินยาปรับสารเคมีในร่างกาย ประกอบกับได้รับกำลังใจจากผู้ใกล้ชิด สุดท้ายเขาได้สติและกลับมาใช้ชีวิตปกติ
แต่ทว่าโรคซึมเศร้าก็กลับมาหาเขาเป็นครั้งที่ 2 เมื่อต้องเผชิญความเหงาภายในบ้านคนเดียว โดยไร้ภรรยาและลูกๆ เนื่องจากภรรยาต้องเดินทางไปดูแลลูกที่ไปเรียนต่อต่างประเทศ ทำให้ผู้ชายซึ่งภายนอกดูเข้มแข็ง มีความรู้สึกเซนซิทีฟกับการไม่ได้อยู่กับครอบครัว และทำให้โรคซึมเศร้ากลับมาหาเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาเคยรู้จักมันแล้ว จึงมีแนวทางรักษาด้วยวิธีการทานยาปรับเคมีในร่างกายเช่นเดิม
บอย โกสิยพงษ์ มองว่าสิ่งที่เผชิญเป็นเรื่องธรรมดามาก เพราะทุกคนไม่สามารถมีภาวะทางอารมณ์ที่สมบูรณ์แบบได้ตลอด โดยเฉพาะสังคมทุกวันนี้มีสิ่งเร้ามากมาย โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก เห็นได้จากหลายคนชอบลงแต่ด้านดีๆ ในชีวิต เช่น อาหารดี รถดี ทุกอย่างดีหมดเลย ซึ่งเขามองว่านั่นแหละคือความป่วยของสังคม ที่ต้องโชว์แต่ด้านดีของตนเอง ทั้งที่จริงทุกคนล้วนมีปัญหา ฉะนั้นสิ่งสำคัญการแก้โรคนี้ คนในครอบครัวหรือสังคมต้องช่วยกันดูแลเติมเต็มส่วนที่อีกคนขาดหรืออ่อนแอ
ทราย เจริญปุระ ดารานักแสดง ก็เคยป่วยเป็นโรคนี้ เพราะได้รับผลจากการดูแลคุณแม่ที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์และซึมเศร้าพร้อมกัน แต่ดาราหญิงคนนี้เมื่อทราบว่าตนเองป่วยก็เข้าสู่กระบวนการรักษาของจิตแพทย์ทันที ด้วยการทานยาเพื่อปรับความสมดุลในสมอง แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ดีขึ้นและหายคือ ได้รับกำลังใจจากคนรอบข้าง
นพ.ชิโนรส ลี้สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต บอกว่า โรคซึมเศร้าสามารถรักษาได้ แต่ก็มีโอกาสกลับมา ส่วนปัจจัยการก่อโรคเกิดจากผู้ป่วยมีสภาวะเครียดและกดดัน วิธีสังเกตว่าเข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่ มี 8 วิธี คือ 1.ผู้ป่วยจะมีอารมณ์ซึมเศร้า หงุดหงิด ก้าวร้าว 2.ขาดความสนใจสิ่งรอบข้าง 3.ไม่มีสมาธิเวลาทำสิ่งต่างๆ 4.รู้สึกอ่อนเพลีย 5.เชื่องช้า 6.รับประทานอาหารมากขึ้นหรือน้อยลง 7.นอนมากขึ้นหรือนอนน้อยลง 8.ชอบตำหนิตัวเอง หากพบว่าตรง 5 ข้อติดต่อกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ แนะนำให้รีบพบจิตแพทย์เพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษา
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตแนะนำเสริมว่า แต่ถึงอย่างไรการรักษานอกจากการทานยา สิ่งสำคัญญาติต้องใส่ใจให้ความรัก ความเข้าใจ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าไม่ได้สู้คนเดียว และมีกำลังใจอยากกลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง
สุดท้ายผู้เขียนอยากบอกว่า ด้วยสังคมยุคนี้ที่ชีวิตประจำวันของหลายคนอยู่กับโลกโซเชียล หรือสนใจการกระทำของผู้อื่นมากเกินไป บางครั้งอาจเป็นผลร้ายสะท้อนกลับมา จนทำให้ตัวเองป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้เหมือนกัน


