posttoday

เสือติดปีก เหินฟ้าเลือกตั้ง

25 มีนาคม 2561

เรามีสำนวนเกี่ยวกับ “เสือ” มากมาย คำหนึ่งที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็กก็คือ “ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายต้องต่อสู้”

โดย ทวี สุรฤทธิกุล

เรามีสำนวนเกี่ยวกับ “เสือ” มากมาย คำหนึ่งที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็กก็คือ “ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายต้องต่อสู้” ในฐานะที่เกิดมาเป็นผู้ชายก็จะถูกสั่งสอนด้วยคำคำนี้จนติดหู และในตอนเด็กนั้นเช่นกันที่นักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมต้นก็ต้องเป็น “ลูกเสือสำรอง” พอประถมปลายก็เป็น “ลูกเสือสามัญ” และในชั้นมัธยมก็จะเป็น “ลูกเสือวิสามัญ” ก็จะมีคำขวัญของแต่ละชั้นลูกเสือนั้น ที่จำได้แม่นก็คือของลูกเสือสามัญที่กล่าวว่า “จงเตรียมพร้อม”

ในความเข้าใจของคนทั่วไป คำว่า “เสือ” จะหมายถึงสัตว์ป่าประเภทหนึ่ง ที่แบ่งได้เป็นหลายชนิด เช่น เสือโคร่ง เสือดำ เสือดาว เป็นต้น แต่ถ้าเป็นความหมายในทางสังคมชาวบ้านของคนไทย เสือก็คือนักเลงปล้นและฆ่าคนที่ก่อความเดือดร้อน อย่างในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2เรามีเสือเหล่านี้มากมาย เช่น เสือใบ เสือดำ เสือมเหศวร โดยที่เสือเหล่านี้เวลาออกปล้นฆ่าจะร้องพร้อมๆ กันว่า “ไอ้เสือเอาวา”

คำว่าเสือนี้เมื่อเอามาประกอบคำอื่นๆ ก็จะมีความหมายในทางที่เป็นผู้ “เก่งกล้า” ในเรื่องต่างๆ เช่น “เสือผู้หญิง” ก็จะหมายถึงผู้ชายที่เก่งเรื่องการจีบผู้หญิง ส่วนมากจะมีความหมายในทางลบ คือ ชอบทำลายหรือหลอกลวงผู้หญิงนั้นด้วย หรือ “เสือซ่อนเล็บ” ก็จะหมายถึงคนที่มีความสามารถแต่ไม่ค่อยแสดงออกมา รวมถึง “เสือซุ่ม” ที่หมายถึงคนเก่งๆ แต่ไม่ค่อยโอ้อวดจะแสดงฝีมือออกมาก็เมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น

สำหรับสำนวน “เสือติดปีก” ไม่ทราบว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร แต่มักจะเอามาใช้ในความหมายของคนที่มีพลังอำนาจอยู่แล้ว แต่ได้รับ “ปีก” คือ พลังอำนาจอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาอีก กลายเป็นคนที่มีพลังอำนาจมากกว่าผู้ใด ด้วยพลังอำนาจพิเศษนี้ก็ยิ่งทำให้คนผู้นั้นที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเสือ คือ มีความเก่งกล้าสามารถมากอยู่แล้ว มีความเก่งกล้าสามารถมากยิ่งขึ้น เป็นที่น่าเกรงขาม จนใครๆ ไม่อาจหยุดยั้งได้

พอดีในช่วงนี้มีข่าวว่ามีพรรคการเมืองหลายพรรคตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนทหารและมีความต้องการที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง รวมถึงที่พรรคการเมืองบางพรรคได้เชิญชวนให้ท่านมาเป็นประธานที่ปรึกษาของพรรค ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากคนใน คสช.เอง เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าเป็นสิทธิที่ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถทำได้ โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ เองก็ไม่ได้ปฏิเสธ

ความจริงนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ท่านก็เป็น “เสือ” อยู่แล้ว ในความหมายที่หมายถึงคนที่มีอำนาจมากๆ อยู่แล้ว ทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธาน คสช. แต่เมื่อมีคนจะมามอบอำนาจอื่นๆ ให้ท่านอีก อย่างเช่นอำนาจจากการเลือกตั้งนี้ก็น่าจะเรียกได้ว่าท่านกำลังจะกลายเป็น “เสือติดปีก” ที่จะมีอำนาจเหนือผู้มีอำนาจอื่นใด รวมถึงในใจของท่านเองก็คงพอใจในสภาพเช่นนี้ เพราะท่านคงยังไม่อยาก “ลงจากหลังเสือ”

สำนวน “ลงจากหลังเสือ” ก็เป็นอีกคำหนึ่งที่ได้ยินกันมากในทางการเมือง หมายถึงการลงจากอำนาจหรือการพ้นออกจากตำแหน่งทางการเมือง ที่อาจจะมีอันตรายเพราะได้ใช้อำนาจนั้นทำเรื่องต่างๆ ไว้มาก บางเรื่องก็ไปทำให้เขาโกรธแค้นชิงชัง เมื่อหมดอำนาจก็อาจจะมีคนที่ยังมีความอาฆาตอยู่นั้นมาทำร้ายเอาได้ ผู้มีอำนาจส่วนใหญ่จึงพยายามที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป เพื่อให้อำนาจนั้นยังคงคุ้มครองตนเองตลอดไป

แต่ผู้เขียนกลับเห็นว่า การเล่นการเมืองนี่แหละที่จะทำร้าย พล.อ.ประยุทธ์

ถ้าท่านผู้อ่านติดตามการเมืองไทยมานานๆ หรือให้ความสนใจวิเคราะห์ “ความเป็นไป” ของผู้นำทางการเมืองแต่ละคน จะพบว่าผู้นำทางการเมืองไทยที่ต้องวิบัติไปนั้นก็ด้วย “คนรอบข้าง” นั่นแล

คนรอบข้างท่านผู้นำแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ประเภทหนึ่ง คือ “กองหนุน” คือ คนที่ส่งเสียงเชียร์สนับสนุน บางสมัยก็เรียกว่า “พวกเชลียร์” คือ ประจบประแจงอย่างน่าเกลียด ประเภทนี้ก็จะทำให้ท่านผู้นำรู้สึกลุ่มหลงและเหลิงอำนาจได้ อีกประเภทหนึ่งคือ “กองป้องกัน” ที่บางสมัยจะเรียกว่า “บอดี้การ์ด” หรือ “ผู้อารักขา” พวกนี้จะทำหน้าที่คอยปกป้อง แก้ข้อกล่าวหา หรือออกรับหน้าแทนเวลาที่ท่านผู้นำถูกโจมตี คนพวกนี้ก็จะทำให้ท่านผู้นำรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจมาก เป็นผู้วิเศษ ใครจะแตะต้องทำลายไม่ได้

ผู้นำคนหนึ่งที่มีคนรอบข้างทั้งสองประเภทนี้เป็นจำนวนมากก็คือทักษิณ ชินวัตร แม้แต่ในขณะนี้ก็ยังมีทั้งผู้เชียร์และผู้ปกป้องอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ดูเหมือนว่าพลังอำนาจทั้งสองด้านกำลังจะเสื่อมไป ไม่แตกต่างอะไรกับอดีตนายทหารหลายๆ คนที่ลงมาเล่นการเมือง ที่เมื่อยังมีตำแหน่งใหญ่โตอยู่ก็ดูจะมีความมั่นคงแข็งแรง แต่พอพ้นจากตำแหน่งทางทหารลงมาเล่นการเมืองก็เสื่อมสิ้นอำนาจไปหมดแล้ว

การเมืองนั้นเหมือน “ทะเลโคลน” ที่ใครลงมาเล่นก็จะถูก “สาดโคลน” เน่าเหม็นเลอะเทอะไปได้ เว้นแต่จะมีคุณงามความดีที่โดดเด่นก็อาจจะอยู่รอดไปได้จนจบชีวิตโดยมีมลทินไม่มากนัก

จุดอ่อนของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือ อารมณ์ที่ “วู่วาม” และบุคลิกที่ “วูบวาบ” ซึ่งหลายคนกลัวว่าจะไม่สามารถทน “ไฟการเมือง” อันโหดร้ายที่อาจจะใช้เชื้อเพลิงทางอารมณ์และบุคลิกของท่านนั้นมาเผาทำลายท่านได้โดยง่าย ต่อให้ท่านมีคนหรือพรรคที่มาเชลียร์อย่างมากมาย หรือกองทัพทั้งกองทัพมาคอยปกป้อง

ข่าวล่าสุด

หลีกหนีความวุ่นวาย ฉลองปีใหม่สุดหรูบนเกาะส่วนตัวที่ นาคา ไอแลนด์