ส่องพระ‘นักผจญไฟ’ ธีรยุทธ ภูมิศักดิ์
ในแวดวง “นักผจญเพลิง” หรือ “พนักงานงานดับเพลิง”คงคุ้นหูคุ้นตานักผจญเพลิงคนนี้ “พี่ธี”
โดย เอกชัย จั่นทอง
ในแวดวง “นักผจญเพลิง” หรือ “พนักงานงานดับเพลิง”คงคุ้นหูคุ้นตานักผจญเพลิงคนนี้ “พี่ธี” ธีรยุทธ ภูมิศักดิ์ ผู้อำนวยการเขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร (กทม.) เจ้าของนามขาน “ราชเทวี 1” ที่เติบโตมากับสายงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กทม. หลายเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวกับอัคคีภัยชายคนนี้ผ่านมาโชกโชน และยังเป็นคีย์แมนสำคัญวางแผนดับเปลวเพลิงเหตุไฟไหม้หลายครั้ง
ธีรยุทธ เป็นใครเติบโตมาจากไหน ให้เจ้าตัวเอ่ยเล่า พื้นเพเป็นคน อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช มีพี่น้อง 5 คน ตัวเองเป็นคนโตสุด เริ่มทำงานครั้งแรกในปี 2529 พนักงานในสำนักเทศกิจ (ลูกจ้างชั่วคราว) ปี 2530 ได้บรรจุเป็นข้าราชการเจ้าหน้าที่ปกครอง 1 เติบโตเรื่อยมากระทั่งปี 2547 เจ้าพนักงานปกครอง 5 เขตหนองแขม ชีวิตพลิกผันปี 2549 ย้ายเป็นเจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สถานีดับเพลิงดาวคะนอง ต่อมาปี 2552 หัวหน้าสถานีดับเพลิงยานนาวา ปี 2556 ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการดับเพลิง 1 สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กรุงเทพฯ กระทั่งปี 2560 ขยับนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการเขตราชเทวีจนถึงปัจจุบัน
จากเส้นทางชีวิตการรับราชการเห็นชัดว่า ธีรยุทธเติบโตมาจากสายงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงไม่แปลกใจที่เป็นลูกหม้อของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. แน่นอนว่าโปรไฟล์ชีวิตรับราชการย่อมต้องผ่านงานดับเพลิงมาไม่น้อยอย่างเช่น เหตุไฟไหม้ใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ รับหน้าที่บัญชาการเหตุการณ์ และอีกหลายเหตุการณ์ลงสนามดับไฟ
ขยับจากเรื่องงานมาเรื่องพระเครื่องกันบ้าง ไม่รอช้าขออนุญาต “พี่ธี” ชมพระเครื่องที่แขวนติดตัวเป็นประจำปรากฏว่า เป็นพระเครื่ององค์สีเหลืองทองสวยงามเตะตา ก่อนเจ้าตัวจะเล่าว่า พระองค์นี้คือ “พระไพรีพินาศ” วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ได้มาจากคนรู้จักให้มาประมาณ 20 ปีที่แล้ว ก่อนจะมีผู้ใหญ่ทักให้หาพระมาแขวนติดตัวไว้บ้าง เนื่องจากทำงานเสี่ยงภัยหลายอย่าง เลยเลือกพระไพรีพินาศองค์นี้มาคล้องขึ้นคอให้ช่วยปกป้องคุ้มครองมานานหลายปี
ด้วยอุปนิสัยส่วนตัวของธีรยุทธ ที่ทำงานค่อนข้างตรงไปตรงมายึดมั่นยึดถือตัวบทกฎหมายเป็นหลัก หลายครั้งอาจไม่ถูกใจคนอื่นบ้างเป็นธรรมดา แต่เจ้าตัวยืนหยัดทำงานตอบแทนภาษีประชาชนให้คุ้มเงินเดือนที่ได้รับอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะมีพระเครื่องคอยยึดเหนี่ยวจิตใจคุ้มครองปลอดภัยแล้ว ธีรยุทธยังเปิดใจเล่าสิ่งที่ขาดไม่ได้และยึดเหนี่ยวนับถือมาตลอดคือ “พ่อและแม่” ที่รักเคารพสุดหัวใจ
“ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามพ่อแม่ต้องมาก่อนอันดับแรก เพราะพ่อแม่คือพระองค์แรกของเรา ถ้าเราใส่ใจดูแลท่านชีวิตเราจะเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน ส่วนพระบูชาองค์อื่นๆ ก็มีบ้าง เช่น หลวงปู่ทวด เป็นต้น ทุกวันนี้จะสวดมนต์ ทำบุญ เพราะสุดท้ายแล้วทรัพย์สินเงินทองตายไปก็นำไปไม่ได้สักบาท”
ส่วนประสบการณ์นั้น ธีรยุทธ ย้อนเล่าให้ฟังช่วงปี 2550 ขณะขับรถคู่ใจจาก จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเข้ากรุงเทพฯ ปรากฏว่ารถยนต์ที่ขับมาเกิดยางระเบิดพยายามประคองอยู่นาน สุดท้ายบังคับรถไม่ได้ เพราะขับมาด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้รถยนต์ชนฟาดกับต้นไม้ได้รับบาดเจ็บไหปลาร้าหัก ส่วนรถยนต์ราคา 7 แสนบาทเสียหายยับเยินทั้งคันขายเป็นซากได้ 4 หมื่นบาท แต่ก็รอดมาได้อย่างปฏิหาริย์ นั่นเป็นประสบการณ์ชีวิตครั้งแรกและครั้งเดียวที่หนักหนาที่สุด
ธีรยุทธ ยังเหลืออายุราชการอีก 9 ปี จากนี้เขามุ่งหวังว่าจะทุ่มเททำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างต่อเนื่องเหมือนเช่นที่เคยทำมา และทำเป็นตัวอย่างให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเห็น หากเป็นผู้นำแล้วไม่ปฏิบัติตัวให้เป็นแบบอย่างก็ยากที่ลูกน้องจะปฏิบัติตาม
ที่สุดแล้วธีรยุทธ ย้ำหนักแน่นว่า การปฏิบัติงานทุกอย่างต้องไม่มีผลประโยชน์ จงยึดประโยชน์ต่อส่วนรวม ยึดประชาชนเป็นหลัก แล้วความดีจะเป็นเกราะป้องกันคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัย


