จากลาสเวกัสรัฐฉานสู่ลอนดอน เพิกเฉยหรือสู้อาชญากรรมสัตว์ป่า
เมืองลา (Mong La) ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ควบคุมโดยรัฐฉานอยู่ติดชายแดนเมียนมา-จีน
โดย ณัฐภาณุ นพคุณ ผู้เข้าร่วมหลักสูตรนิติธรรมกับการพัฒนาสำหรับผู้บริหาร รุ่นที่ 1 สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ)
เมืองลา (Mong La) ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ควบคุมโดยรัฐฉานอยู่ติดชายแดนเมียนมา-จีน และห่างจาก อ.แม่สาย จ.เชียงรายเพียง 258 กิโลเมตร มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ศิลปวัฒนธรรมไทยใหญ่ อยู่ใจกลางสามเหลี่ยมทองคำ และเป็นที่ขนานนามว่าเป็นเสมือน “ลาสเวกัสแห่งรัฐฉาน” เพราะอบายมุขที่นักท่องเที่ยวเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย
ขณะเดียวกัน หากมองข้ามการค้าประเวณี การพนัน และปัญหายาเสพติดในพื้นที่ เมืองลายังเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในการเป็นศูนย์กลางการค้าขายสัตว์ใกล้สูญพันธุ์และมีส่วนสำคัญในการทำให้สัตว์ป่าชนิดอื่นๆ พบชะตากรรมที่คล้ายกัน โดยในประเทศที่มีผืนป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์และมีสัตว์ป่าชุกชุมนั้น
การล่าสัตว์ป่าเพื่อบริโภคจึงถือเป็นเรื่องปกติสำหรับชาวบ้านท้องถิ่น ตลาดนัดกลางแจ้งของเมืองลามีขนาดใหญ่เท่าสนามฟุตบอล เปิดขายทุกวัน และนอกจากนักท่องเที่ยวจะสามารถซื้อผัก ผลไม้ และของใช้จากจีนแล้ว ยังสามารถหาซื้อสัตว์ป่าต้องห้าม เช่น เก้ง (หรือ Barking deer /muntjac)ไก่ฟ้า เสือดาวลายเมฆ (Clouded leopard) หรือตัวนิ่ม (Chinese pangolin) เพื่อการบริโภคได้อย่างง่ายดาย
โดยภาพที่นักท่องเที่ยวเห็นคือ แม่ค้าแล่เนื้อสดบนแผ่นกล่องกระดาษแข็งวางบนพื้นถนนหรือลังพลาสติกนอกจากนี้ ผู้เยือนตลาดก็สามารถช็อปปิ้งต่อได้ หาซื้อหนังงูหัวกะโหลกหรือตีนลิง เขากวาง และอวัยวะเพศของเสือเป็นต้น โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่ที่เป็นชาวจีน ที่มีความเชื่อโบราณว่าการบริโภคสัตว์ป่ามีสรรพคุณเหมือนการรับประทานวิตามิน แก้โรค หรือเป็นยากระตุ้นความต้องการทางเพศ (Aphrodisiac)
อาจเชื่อได้ว่า การซื้อขายสัตว์ป่าข้างต้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งใน “ลาสเวกัสแห่งรัฐฉาน” และในประเทศจีน แต่ในความเป็นจริงคือเป็นความลับที่เปิดเผย (Open secret) มากกว่าการลักลอบ
ทั้งนี้ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาชญากรรมเกี่ยวกับสัตว์ป่าทำเงินได้สูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปีและยังเป็นอาชญากรรมที่ได้รับความสนใจน้อยมากเมื่อเทียบกับปัญหายาเสพติดและการค้ามนุษย์
เรามาลองข้ามน้ำข้ามทะเลกัน ผู้เขียนยังไม่เคยไปท่องเที่ยวเมืองลา แต่เคยไปเมืองผู้ดี คือ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่า ทั้งเมืองลาและลอนดอน มีบริบทที่คล้ายกันในแง่ที่ว่า มีกฎหมายเกี่ยวกับอาชญากรรมสัตว์ป่าอยู่ แต่ขาดการบังคับใช้
ในสหราชอาณาจักร พรรคการเมืองต่างๆ มีนโยบายด้านอาชญากรรมสัตว์ป่าที่แตกต่างกันไป เช่น ในเรื่องการสนับสนุน Hunting Act แต่โดยรวมแล้ว ในฝ่ายนิติบัญญัติของสหราชอาณาจักร ถือเป็นนัยว่ามีความตกลงเชิงการเมืองว่าอาชญากรรมสัตว์ป่าเป็นประเด็นสำคัญในการเลือกตั้งทุกครั้ง ประเด็นสัตว์ป่าจะผุดๆ โผล่ๆ มาเป็นระยะๆ และในหลายปีที่ผ่านมา
พรรคแรงงาน (Labour) มักมีนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ พรรคอนุรักษนิยม (Conservatives) ได้เคยพยายามโยงนโยบายการค้ากับเรื่องอาชญากรรมสัตว์ป่า ส่วนพรรคสีเขียว (Green Party) ออกมาประกาศอย่างแรงกล้าว่าการฆ่าสัตว์ป่าจะเป็นความผิดทั่วไป และมุ่งมั่นที่จะอุดช่องโหว่ทางกฎหมายและปกป้องพื้นที่อาศัยของสัตว์ป่าทั่วประเทศ แต่อย่างที่ทราบกันดี พรรคสีเขียวก็ยังไม่เคยได้เสียงส่วนใหญ่และยังไม่เคยมีผู้นำประเทศที่มาจากพรรคนี้
ทั้งนี้ เมื่อปี 2557 กรุงลอนดอนได้เป็นเจ้าภาพ London Conference on Illegal Wildlife Trade ซึ่งหนึ่งในข้อสรุปที่สำคัญของการประชุมนี้ คือ การแก้ไขปัญหารุกล้ำป่าเพื่อล่าสัตว์ (Poaching) ต้องนำโดยประเทศที่มีอุปทาน อุปสงค์ และประเทศที่เป็นทางผ่าน แต่ปัญหาหลักคือ การขาดทรัพยากรเพื่อการตรวจจับ (Policing) และความรู้ของเจ้าหน้าที่ในแนวหน้าที่จะเป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้กับอาชญากรรมสัตว์ป่า
ในสังคมโลกที่เป็นเสมือนลาสเวกัส เราคงต้องฉุกคิดว่าเราจะเลือกเป็นสังคมที่เพิกเฉยต่ออาชญากรรมในที่ที่คล้ายๆ กับ Sin city ในหนังการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่มนุษย์ค้างคาว หรือจะช่วยกันทำตัวเป็นเสมือนผู้ดี ในแง่ความคิดในการช่วยพัฒนาระบบและศักยภาพของการบังคับใช้กฎหมาย
ที่สำคัญ ประชาคมโลกในปัจจุบัน มองว่าอาชญากรรมสัตว์ป่าเป็นสิ่งที่ท้าทายและบั่นทอนระบบนิติธรรม และองค์การระหว่างประเทศก็กำลังให้ความสนใจอย่างมากต่อเรื่องนี้ ผู้เขียนเห็นว่า อย่างน้อยสังคมไทยต้องมีมุมมองใหม่ ว่าอาชญากรรมสัตว์ป่าเป็นประเด็นการยุติธรรมอาญา (Criminal justice) ไม่ใช่เพียงเรื่องการปกป้องสวัสดิภาพของสัตว์ป่า (Animal welfare) จากวัฒนธรรมและความเชื่อโบราณเท่านั้น


