พระเจ้ากรุงธนสานอำนาจอยุธยา ส่งต่อถึงรัตนโกสินทร์
ในการสัมมนาทางวิชาการ กรุงธนบุรี ราชธานีเชื่อมต่อกรุงศรีอยุธยาสู่กรุงเทพฯ
โดย ส.สต
ในการสัมมนาทางวิชาการ กรุงธนบุรี ราชธานีเชื่อมต่อกรุงศรีอยุธยาสู่กรุงเทพฯ จัดโดยสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ และกองโบราณคดี ที่โรงแรมรอยัลซิตี้ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.-2 มี.ค. 2561 เพื่อรำลึก 250 ปี แห่งการสถาปนากรุงธนบุรี ศาสตราจารย์ ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์อยุธยา ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฟันธงอีกครั้งว่า สมด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มิได้กอบกู้เอกราช เพราะไม่มีเอกราชให้กู้ แต่วีรกรรมของพระองค์ ได้แก่การสร้างศูนย์รวมอำนาจขึ้นมาเพื่อสานต่ออำนาจแห่งกรุงศรีอยุธยา ที่ถูกพม่าทำลายย่อยยับ ในคราวเสียกรุง พ.ศ. 2310
การยกประเด็นนี้มากล่าว ขัดแย้งกับความรู้เดิมๆ ของปวงชนชาวไทยว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้เอกราชชาติไทย หลังจากเสียแก่พม่าครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2310 ที่พม่าทำลายกรุงศรีอยุธยาจนสิ้นซาก แม้กระทั่งพระราชามหากษัตริย์ที่ปกครองประเทศในฐานะเอกราชา ก็ไม่มีเหตุการณ์ ครั้งนี้ต่างจากเหตุการณ์เมื่อ พ.ศ. 2112 ที่กรุงศรีอยุธยาจึงตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรตองอู
ครั้งนั้นไทยเสียเอกราช กลายเป็นประเทศราช คำว่าเอกราช แปลว่า พระราชาเพียงหนึ่งเดียว เมื่อแพ้สงครามลดฐานะมาเป็นประเทศราช จำต้องส่งบรรณาการให้ประเทศ ผู้ชนะสงคราม นั่นหมายความว่าฐานะพระมหากษัตริย์คงอยู่ แต่ไม่ได้เป็นเอกราช
ส่วนวีรกรรมสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชนั้น อาจารย์สุเนตร ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์บอกว่า ทรงเป็นผู้สืบสานลมหายใจกรุงศรีอยุธยา สู่กรุงรัตนโกสินทร์โดยวิธีการคือ การสถาปนาศูนย์กลางอำนาจแห่งใหม่แทนอยุธยา จึงได้กรุงธนบุรีขึ้นมา โดยมีปณิธานแน่วแน่ว่า จะแก้กรุงเทพมหานคร ทั้งบวรพุทธศาสนา ในขณะที่ชุมนุมต่างๆ หลังจากเสียกรุงแก่พม่า พ.ศ. 2310 ไม่มีปณิธาน ดังกล่าวนอกจากประกาศตนเป็นเจ้า เป็นอิสระ
แต่กว่าที่พระเจ้ากรุงธนจะสถาปนาศูนย์กลางอำนาจได้เบ็ดเสร็จ ต้องทำสงครามปราบชุมนุมต่างๆ ที่ประกาศเป็นอิสระหลายชุมนุมด้วยกัน ในขณะที่พม่าก็ไม่ลดละความพยายาม โดยส่งกองกำลังเข้ามาบดขยี้กรุงธนบุรี เช่น ส่งกองกำลังมาทางด่านเจดีย์ สามองค์ จนกระทั่งมาถึงบางกุ้ง พระเจ้ากรุงธนจึงยกกองทัพไปตีสกัด จึงเกิดศึกบางกุ้งที่พระเจ้ากรุงธนมีชัยชนะต่อพม่าโดยตรง เพราะตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาล่มสลาย ได้แต่ทำสงครามกับคนกันเอง
ชัยชนะที่บางกุ้ง สร้างชื่อเสียงให้พระเจ้ากรุงธน แต่ถึงกระนั้นพม่าก็ไม่ละความพยายาม เมื่อพระเจ้ามังระ กษัตริย์แห่งพม่า ให้จัดทัพมาตีไทย 2 ทาง คือเข้าทางเชียงใหม่ และทางด่านเจดีย์ 3 องค์ เพื่อตีกระหนาบ 2 ด้านเหมือนคีมหนีบ จึงเกิดสงครามกับพม่าที่บางแก้ว (ราชบุรี) และที่พิษณุโลก
ไทยเอาชัยชนะที่บางแก้วได้ แต่ที่พิษณุโลกนั้นจวนตัว เดชะบุญที่พระเจ้ามังระสิ้นพระชนม์ กองทัพพม่าจึงยกทัพกลับ มิเช่นนั้นก็ไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ไทยจะเป็นเช่นไร หรือพระสยามเทวาธิราชมีจริง? อาจารย์สุเนตรอุทานออกมาดังๆ
อาจารย์สุเนตรใช้เวลา 2 ชั่วโมง เล่าเรื่องวีรกรรมพระเจ้ากรุงธนตั้งแต่การศึกสงครามภายในภายนอก และแก้ปัญหาปากท้องประชาชน แต่ผู้เขียนนำเสนอเพียงบางช่วงบางตอน เพื่อบอกพระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนพระองค์นั้นเท่านั้น
ต่อจากอาจารย์สุเนตรก็เป็นวาระของอาจารย์จิราธร ชาติศิริ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ยกเรื่องเศรษฐกิจการค้าและต่างประเทศสมัยธนบุรีมาเล่าให้ฟัง
อาจารย์จิราธร ปูพื้นในบทความว่า สมัยธนบุรีเป็นเพียงช่วงว่างระหว่างอาณาจักรอยุธยากับรัตนโกสินทร์ในเวลา 15 ปี แต่เป็น 15 ปีที่มีความหมายยิ่ง จากวีรกรรมของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แม้ว่าตลอดเวลานั้นมีแต่สงคราม ทำให้มีมุมมองว่าเป็นสังคมสงคราม (Wartorn Society) ขาดการพัฒนา แต่เมื่อพิจารณาจากหลักฐานอื่นๆ ที่ร่วมสมัยทั้งของไทยและต่างชาติ จะพบ ว่ากรุงธนบุรีเป็นอาณาจักรที่มีความเป็น ปึกแผ่นและมั่นคง รวมทั้งเศรษฐกิจที่รุ่งเรืองจนกระทั่งเป็นรากฐานสำคัญต่ออาณาจักรรัตนโกสินทร์
ปัจจัยที่สร้างความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของธนบุรีหนีไม่พ้นจีน ประกอบกับในช่วงราชวงศ์ชิงประกาศให้อิสระแก่ชาวจีนที่อพยพไปทำการค้าต่างแดนกลับเข้าจีนได้โดยไม่มีความผิดทำให้ชาวจีนติดต่อค้าขาย อพยพเข้ามาตามเมืองท่าต่างๆ ในทางเศรษฐกิจเช่นเป็นพ่อค้าคนกลาง ช่างต่อเรือ เกษตรกร คนงานเหมือง คนจีนนอกจากตั้งถิ่นฐานบ้านช่องยังแต่งงานกับสาวท้องถิ่น กลายเป็นโครงสร้างสังคมจึงเรียกว่า ศตวรรษแห่งจีน
ส่วนการค้ากับชาติตะวันตกนั้น ทางกรุงธนบุรีค้าขายกับบริษัทอินเดียตะวันออกของฮอลันดา (V.O.C.) ซึ่งสินค้าที่กรุงธนบุรีสั่งซื้อส่วนมากเป็นอาวุธปืนแต่ก็ผ่านคนกลางคือชาวจีน แม้บางครั้งจะผ่านพ่อค้าชาวอังกฤษบ้างแต่ไม่บ่อย อาจารย์จิราธรว่าการค้าขายส่วนมากมิได้ใช้ระบบเงินตราแต่แลกเปลี่ยนด้วยดีบุก
สรุปว่าการค้าของกรุงธนบุรีในสมัยนั้น ชาวจีนมีบทบาทสำคัญ ไม่ต้องบอกว่า ส่งต่อมาถึงยุครัตนโกสินทร์ด้วย


