posttoday

พระเจ้ากรุงธนขอให้พระราชาคณะเตือนพระสติ

01 มีนาคม 2561

พิมพ์พรรณ ไพบูลย์หวังเจริญในการสัมมนาวิชาการเรื่องกรุงธนบุรี ราชธานีเชื่อมต่อกรุงศรีอยุธยาสู่กรุงเทพฯ ที่สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์และกองโบราณคดี กรมศิลปากร จัดเมื่อวันที่ 28 ก.พ.-2 มี.ค. 2561 ที่โรงแรมรอยัล ซิตี้ พิมพ์พรรณ ไพบูลย์หวังเจริญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านอักษรศาสตร์ (ภาษา เอกสารและหนังสือ) เล่าเรื่องที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ให้อาลักษณ์จดเรื่องศีล 227 สิกขาบท และออกกฎพระสงฆ์ เมื่อ พ.ศ. 2316 และขอให้พระราชาคณะเตือนพระสติ

พิมพ์พรรณ ไพบูลย์หวังเจริญ

ในการสัมมนาวิชาการเรื่องกรุงธนบุรี ราชธานีเชื่อมต่อกรุงศรีอยุธยาสู่กรุงเทพฯ ที่สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์และกองโบราณคดี กรมศิลปากร จัดเมื่อวันที่ 28 ก.พ.-2 มี.ค. 2561 ที่โรงแรมรอยัล ซิตี้ พิมพ์พรรณ ไพบูลย์หวังเจริญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านอักษรศาสตร์ (ภาษา เอกสารและหนังสือ) เล่าเรื่องที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ให้อาลักษณ์จดเรื่องศีล 227 สิกขาบท และออกกฎพระสงฆ์ เมื่อ พ.ศ. 2316 และขอให้พระราชาคณะเตือนพระสติ

พิมพ์พรรณ ว่า เรื่องนี้ปรากฏในตอนท้ายของคัมภีร์ใบลาน ใบที่ 17 บอกวันเดือนปีที่ออกกฎหมายนี้ ความว่า "กฎให้ไว้ ณ วันเสาร์ เดือน 4 ขึ้น 2 ค่ำ จุลศักราช 1135 ปีมะเส็งเบญจศก" (พ.ศ. 2316) แต่คัมภีร์ ใบลานฉบับนี้สมีนอง นำมาจารไว้เป็นหลักฐานในภายหลัง โดยเขียนจบเมื่อวันเสาร์ เดือน 10 แรม 11 ค่ำ ปีจอชอศก จุลศักราช 1176 (พ.ศ. 2357)

คัมภีร์ใบลานฉบับนี้ เป็นภาพสะท้อนสังคมในสมัยกรุงธนบุรีว่า พระพุทธศาสนาเสื่อมโทรมเป็นอย่างมาก หลังจากอยุธยาถูกเผาทำลาย แต่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็ทรงพยายามที่จะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพื่อให้สถาบันสงฆ์มั่นคงอยู่ได้ แม้ว่าตลอดรัชกาลจะมีศึกสงครามทั้งภายในและภายนอกประเทศก็ตาม

อาจกล่าวได้ว่าพระพุทธศาสนาในสมัยของพระองค์ที่มีความวุ่นวาย เนื่องจากขาดพระสงฆ์ที่มีความรู้ที่จะช่วยเป็นหลักในการบริหารสถาบันสงฆ์ ดังนั้นเมื่อเกิดกรณีเกี่ยวกับพระสงฆ์ จึงต้องไปปราบปรามด้วยตนเอง

ดังเช่นมาตรการชำระพระสงฆ์ที่เป็นอลัชชี ถ้าสอบสวนแล้วรับสารภาพให้สึกมารับราชการ หรือถ้าไม่สึกก็ให้ดำน้ำพิสูจน์ความจริง ถ้าชนะก็ให้เป็นพระดังเดิม หากเสมอก็ให้บวชใหม่ กฎพระสงฆ์ที่ทรงบัญญัติไว้นี้ก็เพื่อให้พระสงฆ์และกุลบุตรศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระวินัย

ต่อมาพุทธศักราช 2318 ทรงตรากฎหมายถวายพระราชาคณะให้ถวายพระพรเตือน ดังที่อาลักษณ์ บันทึกว่า ในหนังสือสมุดไทยดำด้วยอักษรไทย ภาษาไทย เส้นหรดาลและเส้นขาว โดยหน้าปกต้นฉบับเล่มนี้ใช้ชื่อว่า "พระสมุดกฎทรงถวายราชาคณะให้ถวายพระพรเตือน"

เนื้อความในต้นฉบับกล่าวถึงความตั้ง พระราชหฤทัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ต้องประสงค์ให้พระสงฆ์ราชาคณะได้อนุเคราะห์กล่าวเตือนพระสติ เพราะเคยทรงปีติยินดี อิ่มในศีลสังวร จนเบื่อหน่ายร่างกายและเกลียดกลัวโลกโลกีย์ ประสงค์จะหลีกหนีไปยังโลกอุดรจิต

แต่เมื่อมีข่าวศึกต้องทรงหักอารมณ์ มาทำศึกจนชนะสงครามและจับพม่าได้ ทรงพิจารณาถกเถียงในใจระหว่างความหลุดพ้นกับการทำศึกสงคราม เพื่อยึดกรุงกัมพูชาธิบดีและกรุงศรีสัตนาคนหุตไว้ในพระราชอำนาจเพื่อบวชสมณสงฆ์ เพื่อสร้างพระพุทธศาสนาในสองแผ่นดินนี้ให้เข้มแข็ง หากไม่แผ่พระราชอำนาจไปอรินทราชจะข่มเหงเอาได้ และเสียแรงพยายามฟื้นฟูสถาปนากรุงธนบุรีจะละเลยมิได้ ยังต้องทำการแผ่นดินให้มั่นคงสืบไป

แต่เกรงเป็นกรรมหนาจะหลงติดในอำนาจ ขอให้พระราชาคณะโปรดตัดพ้อเยาะเย้ย ให้เสียพยศอันร้าย ว่ากล่าวไว้ ทั้งนี้เหตุเพราะการบาปมักหลง จงตักเตือนให้ถึงขนาด

กฎหมายนี้ให้ไว้ ณ วันจันทร์ เดือน 6 แรม 15 ค่ำ จุลศักราช 1137 ปีมะแมสัพศก แสดงให้เห็นว่า ทรงกรำศึกมามาก จนเกิดความเบื่อหน่าย แต่ก็ทรงเข้มแข็ง และทรงพระวิริยอุตสาหะ สร้างความเข้มแข็งให้แก่บ้านเมืองมาโดยตลอด จนเกรงจะหลงติดในกิเลส และลืมพระสติ จึงถวายพระพรขอให้พระราชาคณะตักเตือนได้

ข่าวล่าสุด

ประเสริฐยันจบด้วยดี “ไชยา” ลาเพื่อไทยเหตุจำเป็นการเมือง