posttoday

พรบ.ฟินเทค

17 กุมภาพันธ์ 2561

การยกร่างกฎหมายเกือบทุกฉบับมักเริ่มจากจุดเจ็บปวด หรือ Pain Point

โดย สิริพร 

การยกร่างกฎหมายเกือบทุกฉบับมักเริ่มจากจุดเจ็บปวด หรือ Pain Point ที่จำเป็นต้องลุกขึ้นมาเยียวยาหาทางปกป้องหรือป้องกัน จะบอกว่าเป็นการล้อมคอกก็คงไม่ผิด หรือจะบอกอีกคำว่าวัวหายล้อมคอกก็ไม่ผิด (อีก) เช่นกัน

แต่จะทำอย่างไรจะเริ่มที่ตรงไหนดี ถามกลับไปกลับมาก็มาเจอคำตอบเดียวกัน งั้นถามต่อว่าวันนี้มีกี่คนกันที่เดินเข้าแบงก์แล้วทำการเบิก-ถอน–จ่าย-โอน น้อยลงแล้วใช่ไหม ลูกค้านิยมใช้บริการผ่านระบบมือถือ การออนไลน์สะดวก แต่มีความเสี่ยง ดังนั้นจึงต้องมีการยกร่างกฎหมายขึ้นมาคุ้มครองผู้ใช้บริการ

ข้อมูลสำคัญนอกเหนือจากการแก้ไขจุดเจ็บปวดแล้ว แนวทางการสนับสนุนให้มีฟินเทคคือการบริหารข้อมูลขนาดใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพ ลดกำแพงการกีดกั้นทางการค้าและมีข้อกฎหมายสำหรับพึ่งพิง

พบว่า พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับฟินเทคมีอยู่เป็นทุนเดิมแล้วถึง 4 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร พ.ศ. 2540 พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และ พ.ร.บ.ระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560 ทั้งนี้กำลังจะมี พ.ร.บ.ที่ต่อเนื่องเป็นความทันสมัยขึ้นอีกระดับจำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.... ร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ.... และร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการการประกอบธุรกิจและการเข้าถึงบริการของประชาชน พ.ศ.... (ฉบับสุดท้ายนี้แหละที่เรียกกันง่ายๆ สั้นๆ ว่า พ.ร.บ.ฟินเทค)

สิ่งที่ผู้บริโภคเกิดความรำคาญใจและไม่วางใจในระบบการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ คือ การยังไม่เห็นคำพิพากษาเป็นบรรทัดฐาน หากเป็นเช่นนี้ระบบนี้จะใช้เป็นหลักฐานในศาลได้จริงไหม

การต้องให้ข้อมูลของตัวเองทุกครั้งในกรณีที่ไปเปิดบัญชีในลักษณะเดียวกันกับอีกบริษัทหนึ่ง และอีกบริษัทหนึ่งแบบซ้ำๆ ที่เรียกว่า KYCคุ้นไหม หากลูกค้าจะบอกว่าให้ธนาคาร A ส่งข้อมูลไปให้ธนาคาร Bแบบนี้ ธนาคาร A ไม่ยอม เพราะถือว่าข้อมูลของลูกค้าเป็นทรัพย์สินของตัวเอง

ส่งผลให้ไม่มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นเลย แต่มีข้อควรระวังเรื่องข้อมูลที่มีความเป็นส่วนตัวที่จะถูกเปิดเผยแบบไม่สมัครใจ

ประเด็นความกังวลใจจะถูกผ่อนคลายลง อาทิ ธุรกรรมทางการเงินแบบดิจิทัลอยู่ภายใต้ร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าจะเข้าไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานภาครัฐ มีการนำข้อมูลไปพัฒนาอย่างปลอดภัย

ขอบเขตของ พ.ร.บ.ฟินเทคจำแนกผู้ให้บริการทางการเงินไว้ชัดเจน คือ ผู้ประกอบการที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ 3 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) แบบพออุ่นใจกันบ้างแล้ว ส่วนหน่วยงานที่ให้บริการทางการเงินอื่นๆ อาจต้องมีมาตรการอื่นๆ มากำกับเป็นลำดับไป

มีหลายมาตราที่ยกร่างขึ้นมา อีกเรื่องที่เป็นข่าวกันบ่อย คือ เมื่อถูกขโมยบัตรเอทีเอ็มแล้วคนร้ายนำไปกดเงินของเจ้าทรัพย์ พบว่ามีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8089/2556 ความว่า

“การนำบัตรกดเงินสดไปถอนเงินและใส่รหัสส่วนตัวเปรียบได้กับการลงลายมือชื่อตนเอง ดังนั้นการทำรายการเบิกถอนเงินและกดยืนยันทำรายการพร้อมรับเงินสดและสลิป การกระทำดังกล่าวถือเป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินแล้ว ทั้งนี้ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ฯ จึงรับฟังเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้”

นอกจากนี้ สำหรับผู้ถือหุ้นยังมีครอบคลุมไปถึง e-Proxy, e-Meetingอีกด้วย อาทิ การกำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทจำกัดมหาชน การส่งหนังสือเชิญประชุมและเอกสารประกอบการส่งโดยทาง e-Mail แทนได้ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา จึงยังต้องรออย่างเป็นทางการ เป็นข้อมูลให้ผู้บริโภค ผู้ถือหุ้นอุ่นใจว่าทางการมีระบบเตือนภัยและการล้อมรั้วด้วยกฎหมายเป็นหลังให้อิง ให้มั่นใจว่าโลกนี้ยังมีความยุติธรรม นอกเหนือจาก “กฎแห่งกรรม” ที่ทำงานเป็นปกติอยู่แล้วเป็นทุนเดิม

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา