เป้าหมาย (ลงทุน) มีไว้พุ่งชน
พูลศรี เจริญการลงทุนต้องมีเป้าหมาย ย้ำว่าต้องเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนด้วย เพราะมิฉะนั้นเงินของคุณจะทำงานสะเปะสะปะ ที่สำคัญคือเงินอาจเป็นศูนย์หรือติดลบ
พูลศรี เจริญ
การลงทุนต้องมีเป้าหมาย ย้ำว่าต้องเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนด้วย เพราะมิฉะนั้นเงินของคุณจะทำงานสะเปะสะปะ ที่สำคัญคือเงินอาจเป็นศูนย์หรือติดลบ
ตามปกติแล้วเมื่อมีความสนใจที่จะ ลงทุน คำถามยอดฮิตที่มักเกิดขึ้นคือจะ ลงทุนอะไรดี หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ หรือทองคำ
เช่นเดียวกันเมื่อเราจะให้มืออาชีพบริหารเงินให้ เช่น การลงทุนผ่านกองทุนรวม ก็จะมีคำถามว่าแล้วจะลงทุนในกองทุนอะไรดี
เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่ากองทุนรวมที่เสนอขายกันอยู่นั้นมีจำนวนมากมาย และแต่ละกองทุนก็มีนโยบายการลงทุนที่แตกต่าง กันไป คำตอบของคำถามนั้นมักจะใช้ประเภท สินทรัพย์และความเสี่ยงเป็นตัวตั้ง
สำหรับกองทุนที่เสนอให้เลือกก็จะมี ตั้งแต่ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไล่ขึ้นไปจนถึงหุ้น และยังมีสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ ถึงแม้ว่าการเลือกกองทุนที่จะลงทุนนั้น ประเภทสินทรัพย์และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้มีความสำคัญมาก แต่ก็ทำให้เลือกลงทุนได้ยาก
ดังนั้น จึงขอแนะนำวิธีเลือกกองทุนที่จะลงทุนดูใหม่ คือ การเลือกตามวัตถุประสงค์การลงทุน ซึ่งก็คือการตอบคำถามว่าเราอยากจะให้เงินลงทุนก้อนนั้นทำงานให้เราอย่างไร โดยมีวัตถุประสงค์การลงทุนที่แบ่งได้เป็น 5 ข้อ ในที่นี้ขอยกตัวอย่างจากคำแนะนำของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย
วัตถุประสงค์แรก เพื่อดำรงสภาพคล่อง (Liquidity) คือ มุ่งหวังให้เงินที่เก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในระยะสั้นและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก ซึ่งนับเป็นเป้าหมายการลงทุนพื้นฐานที่ทุกคนควรจะต้องกันเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับการบริหารสภาพคล่อง ทั้งนี้ตามหลักการทั่วไปควรจะมีเงินส่วนนี้ 3-6 เท่า ของรายจ่ายประจำเดือน
โดยช่วงเวลาที่ลงทุนจะสั้นตั้งแต่ 1 วันขึ้นไป กองทุนส่วนใหญ่ที่ตอบวัตถุประสงค์นี้มักจะหนีไม่พ้นกองทุนรวมตลาดเงินที่มีนโยบาย ลงทุนในเงินฝากธนาคาร หรือตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี
ปัจจุบันกองทุนรวมตลาดเงินบ้านเรามีการลงทุนที่เปิดกว้างมากขึ้น โดยสามารถลงทุนบางส่วนในเงินฝากต่างประเทศที่ให้อัตราผลตอบแทนดีกว่า ทำให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับที่น่าสนใจมากขึ้น แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ราคาหน่วยลงทุนก็สามารถปรับตัวลบได้ ในบางวันเช่นกัน แต่ก็มักจะปรับตัวกลับขึ้น ไปได้ในช่วงสั้นๆ หากมองจากมุมของความเสี่ยงแล้ว นักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนประเภทนี้หรือเงินที่ลงทุนในกองทุนนี้เป็น กลุ่มที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมาก
วัตถุประสงค์ต่อมามุ่งสร้างผลตอบแทนที่ชนะเงินเฟ้อ โดยเน้นการรักษาเงินต้น (Stability) นักลงทุนกลุ่มนี้ต้องการความมั่นคงสูง กล่าวคือคาดหวังผลตอบแทนที่ไม่สูง จึงเลือกที่จะไม่ลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนมากกว่า ซึ่งกองทุนที่มุ่งบริหารให้สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้จะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุกลางถึงยาว เพื่อที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าการลงทุนเพื่อดำรงสภาพคล่อง โดยอาจจะลงทุนในทั้งพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ภาคเอกชน รวมถึงหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ ต่ำกว่าที่ลงทุนได้
กองทุนประเภทนี้เหมาะสำหรับนักลงทุน ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ไม่ได้หมายความว่า เงินต้นจะไม่มีทางขาดทุน เพราะตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือกลางถึงยาวจะได้รับผลกระทบเยอะกว่าเมื่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดเปลี่ยนแปลง ตามมาด้วยความผันผวนที่สูงกว่ากองทุนที่ลงในตราสารหนี้ระยะสั้น จึงแนะนำถือกองทุนระยะยาวตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป
นักลงทุนบางกลุ่มอาจจะมีเป้าหมายที่ต้องการรายได้แบบสม่ำเสมอ (Income) ซึ่งในปัจจุบันมีกองทุนจำนวนมากที่ออกมาตอบโจทย์เรื่องนี้ เนื่องจากความผันผวนในตลาดการเงินที่มีค่อนข้างสูงกองทุนประเภทนี้จะเน้นกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่จ่ายผลตอบแทนในรูปแบบกระแสเงินสด เช่น หุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูง หรือหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ ต่ำกว่าที่ลงทุนได้ เป็นต้น
ทั้งนี้ การได้รับรายได้ออกมาจากกองทุน (ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบการขายคืนอัตโนมัติ) จะช่วยลดความผันผวนในการลงทุนได้ โดยนักลงทุนทั่วไปอาจพิจารณาถือเป็นสัดส่วนหลัก ในการกระจาย การลงทุน ขณะที่การได้กระแสเงินสดรับที่สม่ำเสมอเหมาะกับเป้าหมายของนักลงทุน วัยเกษียณ อย่างไรก็ดี สินทรัพย์ที่กองทุนลงทุนนับเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง นักลงทุน จึงต้องยอมรับการขาดทุนได้ และควรลงทุน ระยะยาว 3 ปีขึ้นไป
ขณะที่การเอาชนะเงินฝากและเงินเฟ้ออาจไม่เพียงพอสำหรับเป้าหมายการลงทุนระยะยาว นักลงทุนจึงคาดหวังให้เงินทุนเติบโต (Growth)
โดยเงินที่กันไว้สำหรับการลงทุนส่วนนี้จะมีความผันผวนในระยะสั้นสูง แต่มีมูลค่าในสินทรัพย์ในระยะยาวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะพิจารณาลงทุนในกองทุนหุ้น โดยสัดส่วนในหุ้นจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละกองทุน อีกทั้งยังมีสไตล์การลงทุนในหุ้นที่แตกต่างกัน เช่น หุ้นคุณค่า หุ้นเติบโต ปัจจุบันมีกองทุนหุ้นต่างประเทศให้เลือกมากมายเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุน ซึ่งการลงทุนในหุ้นย่อมตามมาด้วยความเสี่ยงที่สูง นักลงทุนจึงต้องสามารถรับผลการขาดทุนได้และควรลงทุนระยะยาวตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป
สุดท้าย เป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่หาจังหวะสร้างผลตอบแทนเมื่อมีโอกาส (Opportunity) โดยจะเป็นกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอื่น หรือเน้นการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งจึงมีความเสี่ยงเรื่องการกระจุกตัว นักลงทุนกลุ่มนี้ต้องการกระจายการลงทุนหรือเพื่อสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนบางขณะ จึงอาจต้องมีทักษะการจับจังหวะตลาดที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถูกช่วง ระยะเวลาลงทุนสั้น และสามารถยอมรับการขาดทุนอย่างมากได้
รู้จักทั้ง 5 วัตถุประสงค์แล้ว น่าจะเป็นตัวช่วยให้ค้นหากองทุนที่ใช่และสามารถบรรลุเป้าหมายการลงทุนภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ แต่อย่าลืมศึกษาข้อมูลกองทุนก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง เพราะการลงทุนผ่านกองทุนรวมแม้จะมีมืออาชีพบริหารให้ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยง แต่การ ไม่ลงทุนเลยน่าจะมีความเสี่ยงกว่า


