posttoday

วิทัย รัตนากร คีย์แมนพลิกฟื้นไอแบงก์

04 กุมภาพันธ์ 2561

การก้าวเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดในองค์กรที่ต้องการการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วนอย่างธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

โดย กนกวรรณ บุญประเสริฐ

การก้าวเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดในองค์กรที่ต้องการการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วนอย่างธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือไอแบงก์ เพื่อให้ธุรกิจที่มีผลขาดทุนสะสมจำนวนมากสามารถกลับมาทำกำไรได้นั้น คงจะเป็นเรื่องยากต่อการตัดสินใจสำหรับใครหลายคน

แต่ วิทัย รัตนากร ซึ่งเดิมเป็นกรรมการอยู่ในไอแบงก์ ยอมตกปากรับคำในการเข้ามาเป็นรักษาการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือไอแบงก์ เป็นคนที่ 6 นับจากที่ธนาคารมีปัญหาเรื่องหนี้เสียจำนวนมากจนเกิดผลขาดทุนสะสม กองทุนติดลบ และถือเป็นครั้งแรกที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด ให้กระทรวงการคลังไฟเขียวเรื่องการยืมตัววิทัย จากรองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มลงทุนและบริหารการเงิน มานั่งเป็นกรรมการและรักษาการผู้จัดการธนาคาร มีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2560 ที่ผ่านมา โดยมีระยะเวลายืมตัว 6 เดือนและต่ออายุได้อีก 6 เดือน

การที่ "วิทัย" ได้ถูกเลือกให้เป็นคีย์แมนคนสำคัญในการฟื้นฟูกิจการไอแบงก์ครั้งนี้ เพราะประสบการณ์ของวิทัยนั้นถือว่าไม่ธรรมดา เป็น ผู้บริหารหนุ่ม คนรุ่นใหม่ในวัยเพิ่ง 47 ปี ที่วงการการเงินการธนาคารต้องจับตา เริ่มจากจบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคว้าปริญญาโทมาได้ถึง 3 ใบ จากเศรษฐศาสตร์การเมืองและกฎหมายธุรกิจ จากที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับปริญญาโท การเงิน Drexel University, U.S.A.

ส่วนประสบการณ์การทำงานเริ่มจากการเป็นนักค้าเงินที่ธนาคารกรุงเทพ และย้ายมาทำงานที่ธนาคารเอเชีย ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ ดูเรื่องการแก้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล

หลังจากนั้น ย้ายมาเป็นผู้อำนวยการอาวุโส สำนักลงทุนทางเลือก (ฝ่ายลงทุนพิเศษ) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และเป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินของบริษัท สายการบินนกแอร์ ผลงานที่สำคัญก่อนถูกดึงตัวมาทำงานที่ธนาคารออมสิน คือการนำบริษัทนกแอร์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และที่ธนาคารออมสิน วิทัย ได้เข้ารับตำแหน่งรองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มลูกค้าธุรกิจและภาครัฐ เมื่อปี 2558 ถือเป็นรองผู้อำนวยการธนาคารออมสินที่อายุน้อยที่สุด

วิทัย กล่าวว่า ในส่วนการเร่งฟื้นฟูกิจการ ไอแบงก์นั้น ต้องมีใครสักคนที่ยอมเขามารับทำเรื่องนี้ ก่อนที่จะตัดสินใจมา มีแต่คนมาทักว่า จะมาทำไม เพิ่งอายุแค่นี้ ยังเหลือเวลาทำงานอีกตั้ง 13 ปีก่อนเกษียณ อย่ามาเสี่ยงเลย เพราะถ้าเกิดทำไม่สำเร็จ เกิดมีการฟ้องร้องภายหลัง ผมจะลำบาก แต่ผมคิดว่า ผมต้องการมาช่วยชาติ งานครั้งนี้ก็ถือว่าท้าทายความสามารถของตัวเอง ถ้าทำสำเร็จจะเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจในชีวิตการทำงาน

เมื่อตัดสินใจเข้ามารักษากรรมการผู้จัดการ ก็เริ่มโฟกัสงานไปที่ 3 เรื่องใหญ่ คือ การฟื้นฟูกิจการ มีการวางรากฐานงานที่สำคัญๆ ตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ทำทั้งเรื่องขั้นตอนและกระบวนการทำงานที่ต้องปรับใหม่ให้เป็นระบบ โดยดึงเอาระบบของธนาคารออมสินมาใช้ในการวิเคราะห์สินเชื่อ และยังต้องทำเรื่องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงาน เดินสายเยี่ยมพนักงานเกือบทุกสาขา ซึ่งปัจจุบันมี 102 สาขา มีพนักงาน 1,690 คน โดยเฉพาะที่สาขาภาคใต้ และหันมาให้ความสำคัญกับภารกิจหลักของธนาคาร คือ การดูแลพี่น้อง

ชาวมุสลิมรายย่อยและการเร่งปล่อยสินเชื่อ รายใหญ่ เช่น รัฐวิสาหกิจและบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ แม้จะได้ผลตอบแทนไม่สูงมาก แต่ให้เน้นเรื่องความเสี่ยงต่ำเป็นหลัก จากเดิมที่เน้นทำในหลายๆ ด้านทั้ง มุสลิม รายย่อย เอสเอ็มอี และลูกค้ารายใหญ่

มาวันนี้เชื่อว่า ขวัญกำลังใจของพนักงานโดยเฉพาะ ใน 5 จังหวัดภาคใต้ดีขึ้น เป็นครั้งแรกๆ ในรอบหลายปี ที่ได้เห็นพนักงานช่วยกันทำงานแบบไม่รู้จักเหนื่อย ช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพราะนโยบายใหม่ให้เน้นมา ช่วยชาวมุสลิมเป็นหลักทำให้คนในพื้นที่มีกำลังใจมากขึ้น

ส่วนเรื่องหนี้เสียที่หลายคนเป็นห่วง ตอนนี้ถือว่าปัญหาได้คลี่คลายไปมากแล้ว เพราะมีการ โอนหนี้เอ็นพีเอฟ หรือหนี้เสียกว่า 4.9 หมื่นล้านบาท ไปที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ IAM ส่วนหนี้เอ็นพีเอฟ ที่ยังคงค้างอยู่ ณ สิ้นปี 2560 อีกราว 8,000 ล้านบาท ไม่ใช่ปัญหาที่กังวล เพราะหนี้ก้อนนี้มีการตั้งสำรองไว้ครบ 100% แล้ว ซึ่งคนอื่นอาจจะมองว่ามีหนี้เสียเยอะ แต่ในมุมกลับกันหนี้ก้อนนี้ ถ้าสามารถติดตามทวงได้ทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับใช้คืน จะตีกลับมาเป็นกำไรให้กับธนาคารทันที ซึ่งในปีนี้เชื่อมั่นว่าจะสามารถตามทวงหนี้ในส่วนของรายย่อยได้ราว 500 ล้านบาท เพราะจากผลดำเนินงานเพียงเดือนแรก คาดว่าจะ สามารถเจรจาและทวงหนี้คืนได้แล้วราว 200 ล้านบาท

ผลจากการติดตามทวงหนี้และเร่งลด ค่าใช้จ่าย ปรับระบบบัญชีให้ได้มาตรฐานในช่วงปี 2560 ที่ผ่านมา ทำให้ล่าสุดในเดือน ม.ค. ไอแบงก์กลับมามีกำไรจากผลดำเนินกว่า 50 ล้านบาท เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างกำลังใจให้กับพนักงานทุกคนเป็นอย่างมาก และระหว่างนี้ได้เร่งเรื่องกระบวนการสรรหาพันธมิตรใหม่ มีความคืบหน้าไปถึงขั้นการเจรจาเพื่อขอดูข้อมูลทางการเงิน เชื่อว่าเรื่อง พันธมิตรจะสามารถสรุปและเสนอรายชื่อให้กระทรวงการคลังพิจารณาได้ภายในเดือน มี.ค.นี้

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2