มารู้จัก Greeks Vega
หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รู้จักกับสามสมาชิกชาว Greeks ซึ่งได้แก่ Delta, Gamma และ Theta กันไปแล้ว ในสัปดาห์นี้ก็มาถึงคิวของค่า Greeks ตัวสุดท้าย นั่นก็คือ Vega ที่ใช้วัดปริมาณความเปลี่ยนแปลงของราคา Options เมื่อความผันผวนของราคาสินค้าอ้างอิงเพิ่มขึ้น 1%
หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รู้จักกับสามสมาชิกชาว Greeks ซึ่งได้แก่ Delta, Gamma และ Theta กันไปแล้ว ในสัปดาห์นี้ก็มาถึงคิวของค่า Greeks ตัวสุดท้าย นั่นก็คือ Vega ที่ใช้วัดปริมาณความเปลี่ยนแปลงของราคา Options เมื่อความผันผวนของราคาสินค้าอ้างอิงเพิ่มขึ้น 1%
หากกล่าวง่ายๆ Vega บอกเราว่าหากความผันผวนในสินค้าอ้างอิง เพิ่มขึ้น 1% เราจะกำไรหรือขาดทุนเพิ่มเท่าไหร่จากการ Options ที่เรา ถือครองอยู่ โดยที่ตัวแปรอื่นๆ ไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ Vega ไม่มีผลกับค่า Intrinsic value เลย ดังนั้นทิศทางของราคาสินค้าอ้างอิงจึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Vega เลยแม้แต่น้อย มีอยู่สิ่งเดียวเท่านั้นที่กระทบกับค่า Vega นั่นก็คือ Implied Volatility (IV) ซึ่งเป็นค่าที่เปลี่ยนแปลงไปตามราคาซื้อขายของ Options ในตลาด จึงทำให้ค่า IV มีการเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา
ขอทบทวนกันอีกครั้ง IV คือ ค่าความผันผวนของสินค้าอ้างอิงที่คำนวณจากพฤติกรรมของผู้ลงทุน ในตลาดที่ตัดสินใจจะซื้อขาย Options ในราคาที่ตนเองคิดว่าเหมาะสม ในบางครั้งราคาอาจจะสูงหรือต่ำ ปริมาณการซื้อขายอาจจะเยอะบ้างน้อยบ้าง ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้ลงทุนที่ล้วน มีมุมมองต่อความผันผวนของราคาสินค้าอ้างอิงแตกต่างกันเป็นอย่างไร โดยที่ไม่ได้มีกฎตายตัวใดๆ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของความผันผวนย่อมส่งผลต่อราคาของ Options ด้วยเช่นกัน เพื่อที่จะทำให้เราทราบถึงความอ่อนไหวของราคา Options ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของความผันผวน เราจึงใช้ Vega ในการอธิบายการเปลี่ยนแปลงนี้
ขอยกตัวอย่าง สมมติเรามองที่ S50H18C1200 ที่มีค่า Premium คือ 11.2 และมีค่า Vega เท่ากับ 0.7 หาก Volatility ของ SET50 Index เพิ่มขึ้น 1% จะทำให้ราคาของ Options เพิ่มขึ้นเท่ากับ 11.9 (11.2+0.7) โดย ผู้ลงทุนไม่ต้องสนใจเลยว่าทิศทาง ของ SET50 Index จะเป็นไปในทิศทางใดและจะเหลือวันหมดอายุอีกกี่วัน เพราะการคาดการณ์ของผู้เล่นในตลาดต่อความผันผวนจะสะท้อนออกมาในค่า Vega และราคา Options โดยอัตโนมัตินั่นเอง
ในกรณีที่ Options นั้นเหลือจำนวนวันก่อนหมดอายุมาก ผู้ลงทุนก็จะมักคาดว่าโอกาสที่ความผันผวนจะเพิ่มขึ้นนั้นมีมากหากเปรียบเทียบกับ Options ที่มีอายุน้อย และโอกาสที่ผู้ถือ OTM Options จะทำกำไรได้ก็มีมากขึ้น เพราะ SET50 มีโอกาสเหวี่ยงขึ้นไปแตะบริเวณที่จะกำไรได้นั่นเอง จึงสามารถบ่งบอกได้ว่าทำไม Options ที่มีอายุคงเหลือเยอะจึงมักจะมีราคาสูงกว่าเสมอ เพราะว่าโอกาสที่ Volatility จะเปลี่ยนแปลง ไปนั้นมีมาก
โดยความคิดเห็นส่วนตัวนั้น ผู้เขียนเชื่อว่า Vega เป็นหนึ่งใน Indicator ที่สำคัญที่ควรนำมาใช้ประกอบการพิจารณาลงทุนใน Options เพราะ Vega เป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนสามารถใช้ช่วยในการประเมินเพื่อทำกำไรจาก Options ได้ เนื่องจากเป็น Indicator ที่บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ของราคา Options กับความผันผวนของสินค้าอ้างอิง ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อราคา Options ที่ยังไม่หมดอายุเป็นอย่างมาก ซึ่งความเข้าใจในค่าVega จะช่วยผู้ลงทุนให้สามารถทำ Pricing ของ Options ได้ละเอียดขึ้น และทำให้ผู้ลงทุนเหมือนมีอาวุธอันทรงประสิทธิภาพเลยทีเดียว
จริงๆ แล้วยังมีค่า Greek อีกตัวที่ผู้เขียนไม่ได้กล่าวถึง นั่นก็คือ Rho หมายถึงค่าที่บอกปริมาณการเปลี่ยน แปลงของ Options จะเปลี่ยนไปเท่าใด เมื่อดอกเบี้ยที่ปราศจากความเสี่ยง ในตลาดเปลี่ยนแปลงไป 1% ซึ่งในยุคสมัยนี้มีความสำคัญน้อยมากต่อราคา Options ค่า Rho นั้น เพราะการเปลี่ยนแปลงระดับ 1% ของดอกเบี้ยจากธนาคารกลางหรือพันธบัตรรัฐบาลเกิดขึ้นได้ยาก และอายุของ Options มักจะสั้นเกินไปที่จะได้รับผลกระทบจากค่า Rho
ถึงจุดนี้เราได้อธิบายความแตกต่างของค่า Greek แต่ละค่ากันไปแล้ว รวมถึงได้บอกถึงความสัมพันธ์ของแต่ละค่าต่อราคาของ Options หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อ ผู้ลงทุน Options ทุกท่านนะครับ สำหรับผู้อ่านที่สนใจศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Options หรือ สินค้าอื่นๆ ใน TFEX โปรดติดต่อสอบถามได้จากโบรกเกอร์ที่ท่านใช้บริการอยู่ หรือ ที่เว็บไซต์ www.tfex.co.th


