‘ทองมกุฎ ทองใหญ่’ อำลาบล.ไทยพาณิชย์

โดย บงกชรัตน์ สร้อยทอง

สิ้นเดือน ม.ค.นี้ ถึงเวลาที่ "ม.ล.ทองมกุฎทองใหญ่" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ จะอำลาจาก บล.แห่งนี้ไปก่อน หลังจากอยู่ที่บ้านหลังนี้มาทั้งหมด 8 ปีเต็ม

เส้นทางเดินของผู้บริหารวัย 49 ปีคนนี้ เรียนจบมาทางด้านดีไซน์อุตสาหกรรม ก่อนไปเรียนต่อปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจ แล้วกลับมาทำงานธุรกิจส่งออก และเพื่อนได้แนะนำให้เข้ามาทำงานในแวดวงอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ โดยเริ่มต้นที่ บล.เอกธำรง (S-ONE) เป็นที่แรก

หลังจากนั้นไปทำงานที่ บล.ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) บล.ซิตี้คอร์ป (ประเทศไทย) ซึ่งแต่ละแห่งอยู่ประมาณ 5 ปี และยังเป็น บล.ที่ดูแลลูกค้ากลุ่มสถาบันเป็นหลัก ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่ค่ายใบโพธิ์ที่ต้องดูแลฐานลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายบุคคล และยังเป็นที่ทำงานที่อยู่นานที่สุด

สำหรับธุรกิจหลักทรัพย์สิ่งที่มีบทบาทสำคัญมากที่สุดคือ "คน" และเป็นหัวใจหลักในการบริการ เนื่องจากธุรกิจนี้ไม่ได้เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้มาจากสินทรัพย์ แต่รายได้มาจากคน ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำคือดูแลคนหรือพนักงานของบริษัทให้เป็นอย่างดี

"สิ่งที่ผมเน้นคือการสร้างวัฒนธรรมที่เป็นกันเองระหว่างพนักงานบริษัท เพราะช่วงที่เข้ามา บล.ไทยพาณิชย์ เป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนได้ ยกทีมออกไปทั้งทีม ทำอย่างไรที่จะสร้างวัฒนธรรมให้พนักงานรู้สึกมีความสุขกับการทำงาน นโยบายหลักที่จะใช้บริหารคือ การที่ให้ทุกคนมีอิสระขอบเขตและความสามารถในการทำงานของตัวเองอย่างไรก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือ งานต้องได้และต้องเดิน"

"ผมจะเน้นเรื่อง 'ความท้าทาย' ชอบสร้างและเริ่มทำสิ่งใหม่ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์และบริการใหม่เพิ่มขึ้นจนแบ่งสัดส่วน รายได้ที่เป็นค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์กับไม่ได้มาจากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งโชคดีที่มีลูกน้องเก่งไว้ใจ ทีมงานได้ ทำให้ต่างคนจะมาช่วยกันเสริมทีมกันในยามที่พนักงานต้องการอะไรในการตัดสินใจที่เด็ดขาด"

ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา จำนวนบัญชีจากหลักหมื่นก็เพิ่มเป็นหลักแสน ซึ่งก้าวกระโดดมากในช่วง 4 ปีสุดท้ายนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้การซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยอินเทอร์ความ เร็มมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจตอบโจทย์และถูกใจสำหรับลูกค้าบริษัท เพราะใครที่มีบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์อยู่แล้ว ก็ใช้ SCB Easy Stock เปิดบัญชีเพียงวันเดียวสามารถซื้อขายได้เพราะเป็นการลงทุนและเริ่มตั้งแต่กระบวนการเชื่อมต่อกับระบบธนาคาร เพียงมีรหัสพาสเวิร์ดเดียวก็สามารถเชื่อมต่อได้แล้ว หรือให้ลูกค้าเปิดบัญชีกับสาขาธนาคารได้ทันทีไม่ใช้เวลามากเหมือนในอดีต

การนำเทคโนโลยีมาช่วยเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน โดยใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (บิ๊กดาต้า) ทำให้เกิดการเตือนข้อมูลอัตโนมัติ หรือทำให้ลูกค้ารายบุคคลดูพอร์ตของตัวเองได้ตามความต้องการ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนตลอด ซึ่งอยู่ในช่วงพัฒนาในเฟสแรก และหากมองในอุตสาหกรรมถือว่ายังไม่มีใครใช้ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ได้อย่างแท้จริง เพราะยังไม่มีการเรียนรู้และประมวลออกจากพฤติกรรม ส่วนใหญ่ก็มีการใช้ระบบบอตแชตที่ตั้งระบบให้มีการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็วเป็นหลัก

"เราต้องไม่มองว่าการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีเข้ามาสร้างผลกระทบ แต่มองว่าเราจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนั้นอย่างไรแทน อีกทั้งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนยังมีน้อย และหลายแห่งลงทุนปั้นมาแต่ก็จะมีการโยกย้ายตลอด แต่ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาถือว่ามีการย้ายออกหรือเทิร์นโอเวอร์ในองค์กรน้อยมาก"

สำหรับลูกค้าสถาบัน ต้องเน้นและชูงานทางด้านวิจัย และสิ่งสำคัญคือ เมื่อสร้างบทวิจัยมาแล้วในช่วงวินาทีแรกที่บทวิเคราะห์ออกมา ก็ต้องเน้นให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าของบริษัทก่อน บทวิเคราะห์ที่ดีออกมาแล้วมันต้องใช่ ยิ่งทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ยุโรปมีการเปลี่ยนให้แยกค่าใช้จ่ายการส่งคำสั่งซื้อขายกับบทวิจัยอย่างจริงจัง งานวิจัยจึงเป็นหัวใจหลักเพื่อมัดใจกับลูกค้าสถาบัน

บล.ไทยพาณิชย์ ถือเป็นที่ที่ให้เขาได้เรียนรู้และสอนทุกอย่าง เพราะเป็นงานละเอียด ต้องอาศัยความรอบคอบ เป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอสิ่งที่ท้าทาย สนุก ไม่สนุก แต่โดยรวมแล้วถือว่าอยู่แล้วมีความสุข หลังจากนี้จะขอพักผ่อนจากงานไปทำงานอดิเรกที่ชอบคือ ใช้เครื่องมือในการซ่อมรถ หรือการเรียนรู้ระบบแอร์ เพราะเป็นคนที่ชอบเรียนรู้และใช้เครื่องมือต่างๆ รวมทั้งไปตีกอล์ฟด้วย