posttoday

ผอ.สามเสนผิดวินัยร้ายแรง

14 มกราคม 2561

กระทรวงศึกษาธิการสรุปผลสอบวินัยร้ายแรงแป๊ะเจี๊ยะ โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย พบผู้อำนวยการผิดวินัยร้ายแรง

กระทรวงศึกษาธิการสรุปผลสอบวินัยร้ายแรงแป๊ะเจี๊ยะ โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย พบผู้อำนวยการผิดวินัยร้ายแรง

พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า การสอบสวนวินัยร้ายแรงนายวิโรฒ สำรวล ผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย กทม. จากกรณีที่มีผู้ปกครองเผยแพร่คลิปผู้บริหารโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยเรียกรับเงิน 4 แสนบาท เพื่อรับเด็กเข้าเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2560 ที่ผ่านมา พบว่ามีความผิดวินัยร้ายแรงแน่นอน

"จากข้อมูลพบว่า กรณีของโรงเรียนสามเสนฯ มีความผิดวินัยอย่างร้ายแรงชัดเจน มีการรับเงินประมาณ 7-8 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่แค่กรณีในคลิปรายเดียว ยังมีรายอื่นด้วยจำนวนมาก และเงินก็ไม่ได้เก็บเข้าคลัง ใบเสร็จก็ไม่ได้ออก มาออกทีหลังซึ่งผิดระเบียบชัดเจน ส่วนใบเสร็จซึ่งออกมาทีหลังนั้นจะระบุว่าเป็นรายรับส่วนใดนั้น เป็นรายละเอียดผมไม่สามารถบอกได้ อยู่ที่กรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง" พล.ท.โกศล กล่าว

ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า นอกจากนายวิโรฒแล้ว ยังมีผู้บริหารโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงอีก 2 ราย เป็นระดับรองผู้อำนวยการโรงเรียน 1 ราย และผู้เกี่ยวข้องอีก 1 ราย ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่นั้น ต้องให้ทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงสรุปผลอีกครั้ง

พล.ท.โกศล กล่าวอีกว่า ขั้นตอนดำเนินการต่อไป จะเรียกผู้ถูกสอบสวนทั้ง 3 รายมารับทราบข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน หากผู้ถูกสอบสวนทั้ง 3 รายมีข้อโต้แย้ง ทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงก็จะไปทำสำนวนใหม่ แต่ถ้าหากไม่มีข้อโต้แย้งก็จะสรุปผลทันที จากนั้นก็จะเสนอผลการสอบสวนให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) กรุงเทพฯ พิจารณา ซึ่งเท่าที่ทราบหากมีความผิดวินัยร้ายแรง มีโทษถึงขั้นไล่ออกหรือปลดออกจากราชการ ส่วนนี้ต้องรอข้อสรุปจากคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง คาดว่าไม่เกินเดือน ก.พ.น่าจะเรียบร้อย

พล.ท.โกศล กล่าวว่า สาเหตุที่การสอบสวนวินัยร้ายแรงในกรณีนี้มีความล่าช้านั้น เนื่องจากนิติกรที่เข้ามาตรวจสอบคณะแรก เป็นนิติกรที่มาจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กรุงเทพฯ เขต 1 ซึ่งมีปัญหาค่อนข้างมาก ดังนั้นทางคณะนิติกรของ สพม.กทม.1 จึงขอถอนตัว และทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงจึงนำคณะนิติกรของตัวเองเข้ามาแทน ซึ่งผู้ที่เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงกรณีนี้ไว้ใจได้

นอกจากนี้ พล.ท.โกศล เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนกรณีครูเกษียณอายุราชการ ซึ่งเป็นอดีตเลขานุการส่วนตัวของผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลลำปาง จ.ลำปาง ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ลำปาง เขต 1 ว่า ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักที่ต้องรับหน้าเป็นหนี้แทนผู้อำนวยการโรงเรียนที่ให้ไปกู้ยืมเงินกว่า 10 ล้านบาท อีกทั้งที่ผ่านมา ผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าวได้นำเงินไปใช้ส่วนตัว และระบุว่ามีการกู้ยืมเงินจากครูในโรงเรียนมาให้ผู้อำนวยการโรงเรียนด้วย แต่เนื่องจากไม่มีความคืบหน้าและผู้อำนวยการโรงเรียนใกล้เกษียณอายุราชการจึงได้มาร้องเรียนนั้น คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงได้สรุปผลสอบแล้ว ซึ่งพบว่ามีความผิดจริง โดยคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงเสนอให้ไล่ออกจากราชการ ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะเสนอให้ กศจ.ลำปาง พิจารณาต่อไป

พล.ท.โกศล กล่าวว่า ส่วนกรณีของโรงเรียนสตรีชัยภูมิที่มีการเรียกรับเงินแป๊ะเจี๊ยะคล้ายกับโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย คณะกรรมการสรุปผลลงโทษทางวินัยไม่ร้ายแรง แต่ กศจ.ชัยภูมิ ไม่เห็นด้วย จึงได้สั่งให้รื้อเรื่องตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงใหม่

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025